คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ

ลด อาการปวด
ฟื้นฟู การเคลื่อนไหว
ยกระดับ คุณภาพชีวิต
ออฟฟิศซินโดรม
Office-Related Syndrome
✓ Neck Pain (ปวดคอ บ่า ไหล่)
✓ Frozen Shoulder (ไหล่ติด)
✓ Low Back Pain (ปวดหลังส่วนล่าง)
✓ Knee Pain (ปวดเข่า)
การจัดการอาการปวด (Pain Management)
ในชีวิตประจำวันของคนเรา ไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงาน หรือแม้แต่การพักผ่อน บางครั้งเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับ อาการปวด ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดเล็กน้อยที่หายได้เอง หรืออาการปวดเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก หลายคนอาจสงสัยว่าเมื่อมีอาการปวดแล้วควรปฏิบัติตัวอย่างไร การกินยาแก้ปวดคือทางออกเดียวหรือไม่ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ การจัดการอาการปวด (Pain Management) ซึ่งเป็นแนวทางการดูแลสุขภาพที่สำคัญ ที่จะช่วยให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น
The International Association for the Study of Pain (IASP) ได้นิยาม ความเจ็บปวด (Pain) ไว้ว่า “เป็นความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายของเนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นและอาจจะเกิดขึ้น”
อาการเจ็บปวด (Pain) อาจแบ่งได้ง่ายๆในทางกายภาพบำบัด เป็น 2 ประเภทหลัก คือ อาการปวดเฉียบพลัน (Acute Pain) และ อาการปวดเรื้อรัง (Chronic Pain)
อ่านต่อ...
โดยอาการปวดเฉียบพลัน เป็นอาการปวดที่เกิดขึ้นทันทีและมักมีสาเหตุชัดเจน เช่น ข้อเท้าพลิก ส่วนอาการปวดเรื้อรัง เป็นอาการปวดที่คงอยู่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น ออฟฟิศซินโดรม หรืออาการปวดหลังเรื้อรังจากการทำงานผิดท่าเป็นเวลานานๆ
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความเจ็บปวดนั้นเป็นกลไกป้องกันตัว (Self-defense mechanism) ที่ร่างกายสร้างขึ้นมา เพื่อปกป้องเรา เพื่อเตือนเราว่า กำลังมีบางอย่างที่ผิดปกติกับร่างกายเราเกิดขึ้น เช่น การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือกระดูก ดังนั้น เมื่อเรารู้สึกเจ็บปวด ร่างกายก็จะบังคับให้เราหลีกเลี่ยงและหยุดทำสิ่งนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บรุนแรงขึ้น
ผลกระทบของอาการปวด
แม้ว่าความเจ็บปวดจะมีประโยชน์ในฐานะสัญญาณเตือนภัย แต่หากอาการปวดนั้นรุนแรงและยาวนาน หรือกลายเป็น อาการปวดเรื้อรัง มันสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตในหลายๆ ด้าน ดังนี้
อ่านต่อ...
ผลกระทบทางด้านกายภาพ
- ข้อจำกัดในการทำกิจกรรม อาการปวดทำให้เราไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ ทำกิจกรรมประจำวันได้ไม่เต็มที่ เช่น เดินได้ไม่นาน ยกของหนักไม่ได้ หรือ ถ้าหากไหล่ติด แม้แต่การใส่เสื้อผ้าก็เป็นเรื่องยาก ฯลฯ
- การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ อาการปวดมักรบกวนการนอนหลับ ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย และไม่สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ อาการปวดเรื้อรังอาจนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพอื่น ๆ เช่น กล้ามเนื้อไหล่อักเสบ แต่ไม่รักษา อาจจะทำให้ข้อไหล่ติดแข็ง เป็นต้น
ผลกระทบทางด้านจิตใจและอารมณ์
- ความเครียด วิตกกังวล และซึมเศร้า การต้องเผชิญกับความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวลเกี่ยวกับอาการปวดในชีวิตประจำวัน และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ในที่สุด
- ความหงุดหงิด อาการปวดมักทำให้เราหงุดหงิดง่าย ขาดความอดทน และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
ผลกระทบทางด้านสังคม
- ประสิทธิภาพการทำงานลดลง อาการปวดทำให้ขาดสมาธิในการทำงาน ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับงานได้ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง รวมถึงอาจต้องหยุดงานบ่อยครั้ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความก้าวหน้าในอาชีพการงาน
- การเงิน การรักษาอาการปวดเรื้อรังอาจมีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งอาจเป็นภาระทางการเงินสำหรับผู้ป่วยและครอบครัว

ปวดคอ บ่า ไหล่

ไหล่ติด

ปวดหลัง

ปวดเข่า

ปวดร้าวลงขา

บาดเจ็บจากกีฬา
การจัดการอาการปวด (Pain Management)
หมายถึง กระบวนการรักษา ดูแล บรรเทา และป้องกันอาการปวดที่เกิดขึ้นจากสาเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ออฟฟิศซินโดรม ที่พบได้บ่อยในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือแม้กระทั่งอาการปวดจากโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ฯลฯ
เป้าหมายหลักของ Pain Management คือการช่วยให้ผู้ที่มีอาการปวดสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพายาแก้ปวดเป็นระยะเวลานานๆ ซึ่งในบางครั้งอาจส่งผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้
อ่านต่อ...
ตัวอย่างเช่น หากคุณมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ ร้าวขึ้นศีรษะ มีอาการปวดศีรษะทุกวัน จนไม่สามารถจดจ่อกับการทำงานได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงสภาพจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า คุณจึงควรได้รับการดูแลที่เหมาะสมแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่อาจตามมาได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไม Pain Management จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
การดูแลและจัดการอาการปวดอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรเรียนรู้ เพราะจะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำความเข้าใจและเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสม กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไร้กังวลเรื่องอาการปวดรบกวนอีกต่อไป
การจัดการอาการปวด จะขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการปวดในแต่ละบุคคล โดยจะมีวิธีหลักๆ ดังนี้
- การทานยาและฉีดยา เช่น ยาลดปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้อักเสบ สเตียรอยด์ ฯลฯ
- การผ่าตัด
- การแพทย์แผนไทย
- การแพทย์ทางเลือก เช่น การฝังเข็ม การครอบแก้ว ฯลฯ
กายภาพบำบัดลดปวด
แต่หนึ่งในวิธีที่นิยมและมีประสิทธิภาพสูงในการจัดการอาการปวด ก็คือ การทำกายภาพบำบัดลดปวด ที่ช่วยฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อ ลดอาการเจ็บปวด และช่วยให้เรากลับมาใช้ชีวิตได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งยาเป็นหลัก โดยนักกายภาพบำบัดจะมีความเชี่ยวชาญในการตรวจประเมินอาการปวดอย่างละเอียด วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล โดยการลดอาการอักเสบของเส้นเอ็น และกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง การยืดกล้ามเนื้อ การใช้หัตถบำบัดร่วมกับเทคนิคเฉพาะที่ผ่านการอบรมและฝึกฝนมา การออกกำลังกายเฉพาะส่วนที่เหมาะสม การปรับเปลี่ยนอิริยาบถในการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงแนะนำวิธีดูแลตนเองที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้อาการปวดกลับมาอีกในอนาคต
อ่านต่อ...
วิธีการรักษาทางกายภาพบำบัดเพื่อลดอาการปวด เช่น การยืดกล้ามเนื้อ การออกกำลังกายเฉพาะส่วน หรือการบำบัดด้วยมือ (Manual Techniques) จะช่วยให้กล้ามเนื้อและข้อต่อกลับมาใช้งานได้ดีขึ้น องศาการเคลื่อนไหวมากขึ้น ลดการอักเสบและการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพของร่างกายให้แข็งแรงขึ้นแบบยั่งยืน
นอกจากนี้ นักกายภาพบำบัดยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน ที่เป็นต้นเหตุของอาการปวด เช่น การจัดโต๊ะทำงานให้เหมาะสมกับสรีระ การนั่งทำงานให้ถูกวิธี ฯลฯ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้อาการปวดกลับมาเป็นซ้ำอีก
การจัดการอาการปวดแบบองค์รวม
ในปัจจุบัน มีแนวคิดในการจัดการอาการปวดแบบองค์รวม (Holistic Pain Management) ซึ่งให้ความสำคัญกับร่างกาย จิตใจ รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันควบคู่กันไป เพราะทุกระบบของร่างกายนั้นมีความเชื่อมโยงกันหมด
โดยคลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ จะพิจารณาทุกมิติของผู้ป่วย ไม่ใช่แค่เพียงแค่อาการปวดเท่านั้น แต่ยังรวมถึง สภาพจิตใจ สภาพแวดล้อมในการทำงาน และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพราะเราเชื่อว่าการดูแลอาการปวดอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องดูแลทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ไปพร้อมๆ กัน
อ่านต่อ...
รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในอาการปวดนั้นๆด้วย เพื่อที่จะสามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง รวมถึงสามารถจัดการอาการปวดได้ดีขึ้นในระยะยาว
นอกจากนี้ การจัดการอาการปวดแบบองค์รวมยังช่วยให้เราเข้าใจสาเหตุของอาการปวด ว่ามีปัจจัยอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง เพื่อที่จะรักษาที่ต้นเหตุที่แท้จริง และควบคุมปัจจัยเสริมต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่ออาการปวด นับว่าเป็นวิธีการรักษาแบบยั่งยืน ช่วยให้คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข และมีประสิทธิภาพ
การจัดการอาการปวด หรือที่เรียกว่า Pain Management นั้นมีความสำคัญมาก เพราะไม่ใช่เพียงแค่ช่วยลดอาการปวดเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เรากลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย หากมีอาการปวด แล้วไม่รักษา จะส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้เครียด ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง และส่งผลต่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ในที่สุด
หากคุณมีอาการปวด สามารถปรึกษาเราได้ที่ คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ
“อย่าปล่อยให้อาการปวด มารบกวนคุณ”
บทความ
ออฟฟิศซินโดรมและอาการปวดต่างๆ
ออฟฟิศซินโดรมและการยศาสตร์ (Office Syndrome & Ergonomics)
ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง (Myofascial Pain Syndrome)
กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท (Piriformis Syndrome)
ปวดหลังส่วนล่าง (Low Back Pain)
เอ็นข้อศอกด้านนอกอักเสบ (Tennis Elbow)
ภาวะการกดทับเส้นประสาทข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome)

Assessment

Ultrasound

Shockwave

Electrical Stimulation

Gun Massage

Joint Mobilization

Manual Traction

Stretching

Hot/Cold Compress

Exercises

Home Program

Posture Correction
คำถามที่พบบ่อย
กายภาพบำบัด คืออะไร
กายภาพบำบัด เป็นศาสตร์ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ที่มุ่งเน้นการรักษา ส่งเสริม ป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อช่วยให้คุณภาพชีวิตของคนไข้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การบรรเทาอาการปวด การเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนไหว หรือการฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย จากอาการบาดเจ็บหรือโรคต่างๆ โดยไม่ต้องใช้ยาและหลีกเลี่ยงการผ่าตัด แบ่งขั้นตอนการรักษาออกเป็น 3 ขั้นตอนหลักๆ ดังนี้
Manual Techniques เป็นเทคนิคในการรักษาด้วยมือ ที่ได้รับการอบรมและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เช่น การขยับข้อต่อ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อและกล้ามเนื้อ (Mobilization) การขยับ ดัด ดึงข้อต่อ (Manipulation) การดึงคอ-ดึงหลัง (Manual Traction) และการยืดกล้ามเนื้อ (Stretching)
Modalities เป็นการใช้เครื่องมือทางกายภาพฯ เพื่อช่วยลดปวดและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เช่น เครื่องช็อคเวฟ เครื่องอัลตราซาวด์ และเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า
Exercises หลังจากที่อาการปวดลดลงแล้วการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ รวมถึงเพื่อป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ ในกรณีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง จะเน้นการออกกำลังกายเฉพาะส่วนเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย เช่น ผู้ป่วยที่มีปัญหาในการเดิน จะเน้นฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและกล้ามเนื้อส่วนล่างที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ
กายภาพฯ จะช่วยให้คุณกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ ลดปวด และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ…
ทำไมต้อง เบรน รีแฮบ คลินิก?
คนไข้สามารถติดต่อ ปรึกษาปัญหาเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง เรามีการติดตามอาการ ผลการรักษา ตลอดจนให้คำปรึกษาในการดูแลตนเองเบื้องต้น จนกว่าจะถึงนัดหมายครั้งถัดไป
นอกจากนี้ ทั้งสาขาอโศกและสาขานนทบุรี ยังมีที่จอดรถ เดินทางสะดวก อยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS หรือ MRT
อะไรคือ ความแตกต่าง?
นักกายภาพฯ ของเรามีประสบการณ์ทำงานไม่ต่ำกว่า 10 ปี ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า คนไข้จะได้รับการรักษาที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
มีการรักษา 8 ขั้นตอนหรือไม่?
ไม่มี เราเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับอาการของคนไข้ เช่น การกระตุ้นไฟฟ้า ไม่ได้เหมาะสมกับการรักษาทุกเคส ดังนั้น เราจึงใช้เวลาเพื่อโฟกัสกับการรักษาที่ได้ผลที่สุด
แล้วแนวทางการรักษา คืออะไร?
1. ตรวจร่างกายอย่างละเอียด ด้วยประสบการณ์ของนักกายภาพฯ แต่ละท่านที่มากกว่า 10 ปี คุณจึงมั่นใจได้ว่า จะได้รับการตรวจวิเคราะห์ที่แม่นยำ ค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการรักษาทางกายภาพบำบัดที่มีประสิทธิภาพและตรงจุด
อาการปวดในตำแหน่งเดียวกัน อาจมีสาเหตุที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล ประสบการณ์ของนักกายภาพฯ ที่คลินิก จะช่วยตรวจประเมิน วางแผนการรักษา และดำเนินการรักษาให้เหมาะสมกับอาการของคุณโดยเฉพาะ เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างรวดเร็วและยั่งยืน
หากคนไข้มีอาการที่รุนแรง น่าสงสัย หรือได้รับอุบัติเหตุ เราจะแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น X-Ray, CT Scan และ MRI เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดยิ่งขึ้น ในทางกลับกัน หากมีผลการตรวจรังสีวินิจฉัยอยู่แล้ว สามารถนำมาใช้ประกอบการรักษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาให้ดียิ่งขึ้น
ในบางกรณี นักกายภาพฯ ของเราจะทำงานร่วมกับแพทย์ในการวางแผนการรักษา และร่วมมือกับ Fitness Trainer ในการออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกาย เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพสูงสุด
2. Manual Therapy นักกายภาพฯ ที่คลินิกของเรา ล้วนมีความเชี่ยวชาญด้าน Manual Therapy (หัตถบำบัด) ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญในการบรรเทาอาการอักเสบของจุด Trigger Point ซึ่งมักเป็นสาเหตุหลักของอาการปวดเรื้อรัง การรักษาประกอบด้วยหลายเทคนิค เช่น การยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดอาการตึงตัว การขยับข้อต่อและเนื้อเยื่อโดยรอบ (Mobilization) เพื่อเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว และการดึงคอ-หลัง (Manual Traction) เพื่อลดแรงกดทับต่อเส้นประสาท
เทคนิคเหล่านี้ถือเป็นแนวทางการรักษาหลักทางกายภาพฯ ของประเทศสหรัฐอเมริกาและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทั่วโลก
3. เครื่องมือ คลินิกของเรายังนำเครื่องมือที่ทันสมัย (Modalities) เช่น เครื่องช็อคเวฟ (Shockwave) เครื่องอัลตราซาวด์ (Ultrasound) และเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) มาประกอบการรักษา เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการอักเสบ และเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ฯลฯ
ทั้งนี้ นักกายภาพฯ จะเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับการรักษาของแต่ละอาการ เช่น ผู้ที่มีภาวะกระดูกเสื่อม ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องช็อคเวฟ (Shockwave) ในการรักษาบริเวณนั้นๆ เพื่อความปลอดภัย เป็นต้น
4. การออกกำลังกาย (Therapeutic Exercises) เป็นอีกหนึ่งในวิธีการรักษาหลักทางกายภาพฯ ในประเทศสหรัฐอเมริกา จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ให้มีความสมดุลกันทั้งสองฝั่ง ช่วยทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น เพิ่มองศาการเคลื่อนไหว (Increase Range of Motion) และป้องกันอาการบาดเจ็บซ้ำๆที่จุดเดิม
นอกจากนี้ ยังช่วยปรับท่าทางในการใช้ชีวิตประจำวัน (Posture Correction) ไม่ว่าจะเป็นท่านอน ท่านั่ง ท่ายืนและท่าเดิน ให้ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บในอนาคต
5. ให้ความรู้เกี่ยวกับตัวโรคและติดตามผลการรักษา เรามุ่งเน้นให้คนไข้มีความเข้าใจเกี่ยวกับรอยโรคหรือภาวะที่เป็นอยู่ เพื่อที่จะปฎิบัติตัวได้อย่างเหมาะสม และเพื่อหลี่กเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ นอกจากนี้ เรายังติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง ให้คำปรึกษา คำแนะนำ จนกว่ามั่นใจว่า คนไข้จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติอย่างมั่นใจ
สำหรับผู้ที่กำลังมองหา “คลินิกกายภาพบำบัด ใกล้ฉัน” ควรสอบถามแนวทางการรักษา เพื่อให้มั่นใจว่าแนวทางการรักษานั้นเหมาะสมกับตนเอง และอาการที่เป็น อีกทั้ง ควรเลือกคลินิกที่มีนักกายภาพฯ ที่มีประสบการณ์ และความสามารถในการตรวจร่างกายได้อย่างตรงจุด เพื่อการรักษาที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หายเร็ว หายขาด ปลอดภัย และไม่กลับมาเป็นซ้ำ ท่านสามารถปรึกษาอาการเบื้องต้นกับเรา ได้ทางโทรศัพท์หรือทาง LINE OA
หากไม่รักษา เดี๋ยวอาการปวดก็หายไปเอง ใช่หรือไม่?
ร่างกายของเรามีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองได้ แต่เนื่องจาก เราจำเป็นต้องเคลื่อนไหวหรือใช้งานตลอดเวลา ทำให้การซ่อมแซมตัวเองเป็นไปได้ยากมากขึ้น หากมีอาการปวดที่ไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน แนะนำให้เข้ามารักษาทางกายภาพฯ จะช่วยให้หายไวขึ้น อาการปวดจากการบาดเจ็บลดลง และป้องกันไม่ให้อาการเรื้อรัง
ควรเข้ารับการรักษากี่ครั้ง ความถี่เท่าไหร่?
ขึ้นอยู่กับอาการ เช่น อาการเส้นเอ็นอักเสบจะใช้เวลารักษานานกว่ากล้ามเนื้ออักเสบ ส่วนโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ในบางกรณีสามารถรักษาเพื่อบรรเทาอาการปวด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะของโรค
เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด ควรเข้ารับการรักษาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อความต่อเนื่องของการรักษาและช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
แม้ว่าระดับความทนต่อความเจ็บปวดของแต่ละคนจะแตกต่างกัน แต่การเข้ารับการรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ จะช่วยให้หายเร็วและไม่เรื้อรัง
อาการดีขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องรักษาต่อหรือหยุดการรักษาได้ จริงหรือไม่?
การรักษาทางกายภาพฯ จำเป็นต้องใช้ความต่อเนื่องในการเข้ารับการรักษา เพื่อให้หายขาด และป้องกันไม่ให้อาการกลับมา เนื่องจากคลื่นไฟฟ้าที่ใช้ในการรักษา จะได้ผลเฉพาะในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น หากคนไข้หยุดการรักษากลางคัน ก็เปรียบเสมือนกับการรับประทานยาที่ไม่ครบโดส ซึ่งอาจทำให้มีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ หรือกลายเป็นอาการเรื้อรังได้
จากสถิติของทางคลินิกฯ คนไข้ที่ได้รับการรักษาจนหายขาด จะไม่กลับมาเป็นซ้ำที่ตำแหน่งเดิม ภายในระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการปรับพฤติกรรมของคนไข้ด้วย
การออกกำลังกายโดยนักกายภาพฯ แตกต่างจากการออกกำลังกายทั่วไปอย่างไร?
การออกกำลังกายทางกายภาพฯ ไม่ได้เหมือนกับการออกกำลังกายทั่วไป เพราะเราจะเน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณที่มีปัญหา และออกแบบการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและปัญหาสุขภาพของแต่ละบุคคล ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่อ่อนแอ และป้องกันการบาดเจ็บซ้ำที่จุดเดิม
นอกจากการรักษาแล้ว ยังเหมือนมีเทรนเนอร์ส่วนตัว ที่ช่วยออกแบบท่าออกกำลังกายเฉพาะบุคคลในการรักษาแต่ละครั้ง ให้เหมาะกับสภาพกล้ามเนื้อ ณ ขณะนั้น
โรคอะไรที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีทางกายภาพฯ?
นัดหมาย
085-9966-353Business Hours
วันเสาร์-อาทิตย์: 9.30 - 18.30 น.
Location
Parking
Business Hours
วันเสาร์-อาทิตย์: 9.30 - 18.30 น.
Location
Parking
ที่จอดรถ เลี้ยวเข้าซอย อยู่หัวมุม