โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)

หากคนรอบตัวของคุณเป็นโรคหลอดเลือดสมอง กรุณาอย่าสิ้นหวัง… กายภาพบำบัดช่วยได้ แล้วคำถามที่ว่า “การฟื้นฟูผู้ป่วยฯหลัง 6 เดือนแรก จะไม่ได้ผล” จริงหรือไม่ เรามาหาคำตอบกัน…
ประเภท
การแบ่งประเภทของโรคหลอดเลือดสมอง หลักๆแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. Ischemic Stroke (โรคหลอดเลือดสมองชนิดสมองขาดเลือด) เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือด ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอ มักเกิดร่วมกับ ภาวะหลอดเลือดแข็ง (Atherosclerosis) ซึ่งมีสาเหตุมาจากไขมันเกาะตามผนังหลอดเลือดแดงจนทำให้เส้นเลือดตีบแข็ง แบ่งออกเป็น
- Thrombotic Stroke (โรคหลอดเลือดขาดเลือดจากภาวะหลอดเลือดสมองตีบ) เป็นผลมาจากภาวะ Atherosclerosis
- Embolic Stroke (โรคหลอดเลือดขาดเลือดจากการอุดตัน ) เป็นผลมาจากเกิดลิ่มเลือดในร่างกายไปอุดตันบริเวณหลอดเลือดสมอง ทำให้สมองขาดเลือด
2. Hemorrhagic stroke (โรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออกในสมอง) เกิดจากภาวะหลอดเลือดสมองแตกหรือฉีกขาด ทำให้เลือดไหลภายในสมอง และทำให้เนื้อสมองเกิดการขาดเลือดและออกซิเจน แบ่งออกเป็น
- Aneurysm (โรคหลอดเลือดโป่งพอง) ทำให้เกิดหลอดเลือดฉีกและแตก จนทำให้เกิดเลือดออก
- Arteriovenous Malformation (โรคหลอดเลือดผิดปกติ) เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดแต่กำเนิด
อาการ
อาการส่วนใหญ่ของผู้ป่วยเส้นเลือดสมองตีบ อุดตัน และแตกมักไม่แตกต่างกัน
แต่แตกต่างกันที่การดำเนินของโรค (Progression) และการพยากรณ์โรค (Prognosis) เช่น ผู้ป่วยเส้นเลือดสมองตีบมีโอกาสกลับมาเป็นปกติมากกว่าผู้ป่วยเส้นเลือดสมองแตก
อาการส่วนใหญ่ที่พบ มักจะพบอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อด้านใดด้านหนึ่ง ทั้งแขนและขา พูดไม่ชัด กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง มุมปากตก การรับความรู้สึกร่างกายด้านที่มีปัญหาจะผิดปกติ (เพิ่มขึ้นหรือลดลงกว่าด้านปกติ)
ปัญหาที่พบบ่อย
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ส่วนใหญ่พบปัญหาด้านการทำกิจวัตรประจำวันหรือการเคลื่อนไหว เช่น
- ปัญหาด้านการเคลื่อนไหวร่างกายบนเตียง เช่น การพลิกตะแคงตัว การเปลี่ยนท่าทางบนตียง หรือการเปลี่ยนท่าทางจากการนอนลุกขึ้นมานั่ง
- ปัญหาด้านการทรงตัวในท่านั่ง และการลุกขึ้นยืน
- ปัญหาด้านการทรงตัวในท่ายืน และการเดิน
- การรับประทานอาหารที่ลำบาก การเคี้ยว การกลืน และการควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้า
- ปัญหาด้านการประมวลผลทางความคิด การตัดสินใจ ความจำ ความเข้าใจ รวมถึงเรื่องของการสื่อสาร
- ปัญหาด้านการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น อาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัว เป็นต้น
การรักษาทางการแพทย์
การรักษาทางการแพทย์
กรณีที่มีหลอดเลือดสมองอุดตัน หรือตีบ แพทย์จะให้ยาละลายลิ่มเลือด เพื่อให้หลอดเลือดสมองมีเลือดไหลเวียนได้อย่างปกติ หรือบางกรณีอาจจำเป็นต้องใส่ขดลวดที่หลอดเลือดสมองเพื่อขยายหลอดเลือด
การรักษาในกรณีหลอดเลือดสมองแตก มีเลือดออกในสมอง แพทย์ผู้รักษาจะเป็นผู้ประเมินการรักษาว่าจะต้องรักษาแนวทางใดเพื่อความปลอดภัยกับคนไข้ ส่วนมากจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดเปิดกระโหลกศีรษะ เพื่อนำเลือดที่คั่งในสมองออก หรือบางกรณีอาจจะไม่จำเป็นต้องผ่าตัด แต่ใช้ยาเพื่อควบคุมอาการ
***ทั้งนี้การรักษาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ เพื่อที่จะดูแลรักษาคนไข้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
การฟื้นฟูทางกายภาพบำบัด
การฟื้นฟูทางกายภาพบำบัดจะมุ่งเน้นในส่วนที่คนไข้มีปัญหาในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว การทำกิจกรรม และการทำงานสั่งการของส่วนสมอง เป็นต้น
พร้อมทั้งส่งเสริมและป้องกันร่างกายในส่วนที่ยังคงสภาพการทำงานได้ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
และที่สำคัญที่สุด คือ การป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำอีกรอบ
แนวทางการฟื้นฟูที่เบรน รีแฮบ คลินิก
แนวทางการฟื้นฟูผู้ป่วยฯ ทางกายภาพบำบัด ที่คลินิก
1. ฝึกการเคลื่อนไหว เพื่อป้องกันการยึดติดของข้อต่อ เคลื่อนไหวข้อต่อร่างกายด้านที่อ่อนแรง ทุกข้อต่อ (Range of Motion exercises) รวมถึงการยืดกล้ามเนื้อที่ตึงตัว (Stretching exercises) เช่น ข้อเท้า เข่า สะโพก มือ ข้อศอก และหัวไหล่ เพื่อกระตุ้นการรับความรู้สึกจากการเคลื่อนไหว
2. การออกกำลังกายและใช้เครื่องมือกระตุ้นไฟฟ้า เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อฝ่อลีบ (Active assisted exercise and Electrical stimulation) เป็นการฝึกออกกำลังกายกล้ามเนื้อที่ยังมีแรงในการหดตัวเพื่อกระตุ้นการทำงาน ในส่วนกล้ามเนื้อที่ยังไม่สามารถหดตัวเองได้ จำเป็นต้องอาศัยเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า เพื่อให้กล้ามเนื้อหดตัว เพื่อชะลอการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อ
3. การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อ (Basic bed exercises) เป็นการออกกำลังกายบนเตียงในท่าทางต่างๆ เพื่อกระตุ้นการทำงานและฟื้นตัวของกล้ามเนื้อด้านที่อ่อนแรง รวมถึงการฝึกเชื่อมความสัมพันธ์กันระหว่างด้านที่แข็งแรงและอ่อนแรง
4. การจัดท่าทางในท่านอน นั่ง (Basic positioning support) เป็นการจัดท่าทางเพื่อป้องกันการบาดเจ็บของร่างกายและช่วยประคองให้ร่างกายด้านอ่อนแรงในช่วงที่กำลังฟื้นตัว เช่น การจัดท่าในการนอน ท่าทางในการนั่ง เป็นต้น
แนวทางการฟื้นฟู (ต่อ)
แนวทางการฟื้นฟูผู้ป่วยฯ ทางกายภาพบำบัด ที่คลินิก (ต่อ)
5. การฝึกการเปลี่ยนท่าทางและการเคลื่อนย้ายตัว (Patient Transfer Techniques) เป็นการฝึกการเปลี่ยนท่าทางจากบนเตียง มานั่งข้างเตียง รวมถึงฝึกการเคลื่อนย้ายตัวจากเตียงมายังเก้าอี้หรือรถเข็น
6. การฝึกการทรงตัวในท่าทางต่างๆ (Balance training) เป็นการฝึกการทรงตัวในท่าทางที่แตกต่างกัน เช่น ท่านั่ง ท่ายืน (Static and Dynamic balance training)
7. การฝึกเดิน (Gait training) : การฝึกเดิน การเคลื่อนไหว ในช่วงเริ่มต้นจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ช่วยเหลือทางกายภาพบำบัด เพื่อช่วยให้คนไข้สามารถฝึกเดิน เคลื่อนไหวได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และนักกายภาพบำบัดมีความสำคัญอย่างมากที่จะช่วยกระตุ้น ให้กำลังใจ และส่งเสริมการฝึกเดินของคนไข้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
8. การฝึกการใช้มือทำกิจกรรม และการฝึกการทำงานและการสั่งการของสมอง (Hand function and Cognitive training) เป็นการฝึกการใช้งานของมือและแขน ที่เป็นส่วนสำคัญในการทำให้คนไข้กลับไปใช้ชีวิตประจำ หรือทำกิจวัตรประจำวันได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด เช่น การฝึกหยิบจับสิ่งของ การทำงานสานสัมพันธ์กันระหว่างมือและแขน เป็นต้น
รวมถึงการฝึกการทำงานและการสั่งการของสมอง เช่น การฝึกการคำนวณ ฝึกการใช้ตรรกะ การเชื่อมโยง การฝึกความจำ และความเข้าใจในรูปแบบที่แตกต่างกัน เป็นต้น
ทำไมต้องเบรน รีแฮบ คลินิก
ทำไมต้องเรา?
ทางคลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านกายภาพบำบัดระบบประสาทและสมอง ที่สามารถตรวจประเมินร่างกาย วางแผนการรักษา ดูแลและฟื้นฟูผู้ป่วยทางระบบประสาทและสมองโดยเฉพาะ เพื่อการรักษา ฟื้นฟูของผู้ป่วย ได้อย่างครอบคลุมและปลอดภัย
นอกจากนี้ เรายังมี ผศ. นพ. คุณากร อัชชนียะสกุล American Board of Vascular Neurology เป็นที่ปรึกษาเคสต่างๆอีกด้วย
Golden Period ในการฟื้นฟู
การฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองหลัง 6 เดือนไม่ได้ผล นั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด…
เพียงแต่อัตราการฟื้นฟูอาจจะช้ากว่าช่วง 6 เดือนแรก แต่ยังสามารถเห็นพัฒนาการของคนไข้ได้อย่างชัดเจน
คนไข้ที่คลินิกฯเป็นโรคหลอดเลือดสมองมา 3 ปีกว่าเกือบ 4 ปี มาฟื้นฟูที่คลินิกฯ ยังเดินได้…
ขอเพียงให้คนรอบตัวช่วยให้กำลังใจและสนับสนุนคนไข้ ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเรา…
Assessment
Ultrasound
Shockwave
Electrical Stimulation
Gun Massage
Joint Mobilization
Manual Traction
Stretching
Hot/Cold Compress
Exercises
Home Program
Posture Correction
คำถามที่พบบ่อย
กายภาพบำบัด คืออะไร
กายภาพบำบัด เป็นศาสตร์ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ที่มุ่งเน้นการรักษา ส่งเสริม ป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อช่วยให้คุณภาพชีวิตของคนไข้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การบรรเทาอาการปวด การเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนไหว หรือการฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย จากอาการบาดเจ็บหรือโรคต่างๆ โดยไม่ต้องใช้ยาและหลีกเลี่ยงการผ่าตัด แบ่งขั้นตอนการรักษาออกเป็น 3 ขั้นตอนหลักๆ ดังนี้
Manual Techniques เป็นเทคนิคในการรักษาด้วยมือ ที่ได้รับการอบรมและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เช่น การขยับข้อต่อ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อและกล้ามเนื้อ (Mobilization) การขยับ ดัด ดึงข้อต่อ (Manipulation) การดึงคอ-ดึงหลัง (Manual Traction) และการยืดกล้ามเนื้อ (Stretching)
Modalities เป็นการใช้เครื่องมือทางกายภาพฯ เพื่อช่วยลดปวดและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เช่น เครื่องช็อคเวฟ เครื่องอัลตราซาวด์ และเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า
Exercises หลังจากที่อาการปวดลดลงแล้วการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ รวมถึงเพื่อป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ ในกรณีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง จะเน้นการออกกำลังกายเฉพาะส่วนเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย เช่น ผู้ป่วยที่มีปัญหาในการเดิน จะเน้นฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและกล้ามเนื้อส่วนล่างที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ
กายภาพฯ จะช่วยให้คุณกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ ลดปวด และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ…
ทำไมต้อง เบรน รีแฮบ คลินิก?
คนไข้สามารถติดต่อ ปรึกษาปัญหาเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง เรามีการติดตามอาการ ผลการรักษา ตลอดจนให้คำปรึกษาในการดูแลตนเองเบื้องต้น จนกว่าจะถึงนัดหมายครั้งถัดไป
นอกจากนี้ ทั้งสาขาอโศกและสาขานนทบุรี ยังมีที่จอดรถ เดินทางสะดวก อยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS หรือ MRT
อะไรคือ ความแตกต่าง?
นักกายภาพฯ ของเรามีประสบการณ์ทำงานไม่ต่ำกว่า 10 ปี ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า คนไข้จะได้รับการรักษาที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
มีการรักษา 8 ขั้นตอนหรือไม่?
ไม่มี เราเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับอาการของคนไข้ เช่น การกระตุ้นไฟฟ้า ไม่ได้เหมาะสมกับการรักษาทุกเคส ดังนั้น เราจึงใช้เวลาเพื่อโฟกัสกับการรักษาที่ได้ผลที่สุด
แล้วแนวทางการรักษา คืออะไร?
1. ตรวจร่างกายอย่างละเอียด ด้วยประสบการณ์ของนักกายภาพฯ แต่ละท่านที่มากกว่า 10 ปี คุณจึงมั่นใจได้ว่า จะได้รับการตรวจวิเคราะห์ที่แม่นยำ ค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการรักษาทางกายภาพบำบัดที่มีประสิทธิภาพและตรงจุด
อาการปวดในตำแหน่งเดียวกัน อาจมีสาเหตุที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล ประสบการณ์ของนักกายภาพฯ ที่คลินิก จะช่วยตรวจประเมิน วางแผนการรักษา และดำเนินการรักษาให้เหมาะสมกับอาการของคุณโดยเฉพาะ เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างรวดเร็วและยั่งยืน
หากคนไข้มีอาการที่รุนแรง น่าสงสัย หรือได้รับอุบัติเหตุ เราจะแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น X-Ray, CT Scan และ MRI เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดยิ่งขึ้น ในทางกลับกัน หากมีผลการตรวจรังสีวินิจฉัยอยู่แล้ว สามารถนำมาใช้ประกอบการรักษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาให้ดียิ่งขึ้น
ในบางกรณี นักกายภาพฯ ของเราจะทำงานร่วมกับแพทย์ในการวางแผนการรักษา และร่วมมือกับ Fitness Trainer ในการออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกาย เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพสูงสุด
2. Manual Therapy นักกายภาพฯ ที่คลินิกของเรา ล้วนมีความเชี่ยวชาญด้าน Manual Therapy (หัตถบำบัด) ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญในการบรรเทาอาการอักเสบของจุด Trigger Point ซึ่งมักเป็นสาเหตุหลักของอาการปวดเรื้อรัง การรักษาประกอบด้วยหลายเทคนิค เช่น การยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดอาการตึงตัว การขยับข้อต่อและเนื้อเยื่อโดยรอบ (Mobilization) เพื่อเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว และการดึงคอ-หลัง (Manual Traction) เพื่อลดแรงกดทับต่อเส้นประสาท
เทคนิคเหล่านี้ถือเป็นแนวทางการรักษาหลักทางกายภาพฯ ของประเทศสหรัฐอเมริกาและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทั่วโลก
3. เครื่องมือ คลินิกของเรายังนำเครื่องมือที่ทันสมัย (Modalities) เช่น เครื่องช็อคเวฟ (Shockwave) เครื่องอัลตราซาวด์ (Ultrasound) และเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) มาประกอบการรักษา เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการอักเสบ และเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ฯลฯ
ทั้งนี้ นักกายภาพฯ จะเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับการรักษาของแต่ละอาการ เช่น ผู้ที่มีภาวะกระดูกเสื่อม ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องช็อคเวฟ (Shockwave) ในการรักษาบริเวณนั้นๆ เพื่อความปลอดภัย เป็นต้น
4. การออกกำลังกาย (Therapeutic Exercises) เป็นอีกหนึ่งในวิธีการรักษาหลักทางกายภาพฯ ในประเทศสหรัฐอเมริกา จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ให้มีความสมดุลกันทั้งสองฝั่ง ช่วยทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น เพิ่มองศาการเคลื่อนไหว (Increase Range of Motion) และป้องกันอาการบาดเจ็บซ้ำๆที่จุดเดิม
นอกจากนี้ ยังช่วยปรับท่าทางในการใช้ชีวิตประจำวัน (Posture Correction) ไม่ว่าจะเป็นท่านอน ท่านั่ง ท่ายืนและท่าเดิน ให้ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บในอนาคต
5. ให้ความรู้เกี่ยวกับตัวโรคและติดตามผลการรักษา เรามุ่งเน้นให้คนไข้มีความเข้าใจเกี่ยวกับรอยโรคหรือภาวะที่เป็นอยู่ เพื่อที่จะปฎิบัติตัวได้อย่างเหมาะสม และเพื่อหลี่กเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ นอกจากนี้ เรายังติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง ให้คำปรึกษา คำแนะนำ จนกว่ามั่นใจว่า คนไข้จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติอย่างมั่นใจ
สำหรับผู้ที่กำลังมองหา “คลินิกกายภาพบำบัด ใกล้ฉัน” ควรสอบถามแนวทางการรักษา เพื่อให้มั่นใจว่าแนวทางการรักษานั้นเหมาะสมกับตนเอง และอาการที่เป็น อีกทั้ง ควรเลือกคลินิกที่มีนักกายภาพฯ ที่มีประสบการณ์ และความสามารถในการตรวจร่างกายได้อย่างตรงจุด เพื่อการรักษาที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หายเร็ว หายขาด ปลอดภัย และไม่กลับมาเป็นซ้ำ ท่านสามารถปรึกษาอาการเบื้องต้นกับเรา ได้ทางโทรศัพท์หรือทาง LINE OA
หากไม่รักษา เดี๋ยวอาการปวดก็หายไปเอง ใช่หรือไม่?
ร่างกายของเรามีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองได้ แต่เนื่องจาก เราจำเป็นต้องเคลื่อนไหวหรือใช้งานตลอดเวลา ทำให้การซ่อมแซมตัวเองเป็นไปได้ยากมากขึ้น หากมีอาการปวดที่ไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน แนะนำให้เข้ามารักษาทางกายภาพฯ จะช่วยให้หายไวขึ้น อาการปวดจากการบาดเจ็บลดลง และป้องกันไม่ให้อาการเรื้อรัง
ควรเข้ารับการรักษากี่ครั้ง ความถี่เท่าไหร่?
ขึ้นอยู่กับอาการ เช่น อาการเส้นเอ็นอักเสบจะใช้เวลารักษานานกว่ากล้ามเนื้ออักเสบ ส่วนโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ในบางกรณีสามารถรักษาเพื่อบรรเทาอาการปวด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะของโรค
เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด ควรเข้ารับการรักษาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อความต่อเนื่องของการรักษาและช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
แม้ว่าระดับความทนต่อความเจ็บปวดของแต่ละคนจะแตกต่างกัน แต่การเข้ารับการรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ จะช่วยให้หายเร็วและไม่เรื้อรัง
อาการดีขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องรักษาต่อหรือหยุดการรักษาได้ จริงหรือไม่?
การรักษาทางกายภาพฯ จำเป็นต้องใช้ความต่อเนื่องในการเข้ารับการรักษา เพื่อให้หายขาด และป้องกันไม่ให้อาการกลับมา เนื่องจากคลื่นไฟฟ้าที่ใช้ในการรักษา จะได้ผลเฉพาะในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น หากคนไข้หยุดการรักษากลางคัน ก็เปรียบเสมือนกับการรับประทานยาที่ไม่ครบโดส ซึ่งอาจทำให้มีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ หรือกลายเป็นอาการเรื้อรังได้
จากสถิติของทางคลินิกฯ คนไข้ที่ได้รับการรักษาจนหายขาด จะไม่กลับมาเป็นซ้ำที่ตำแหน่งเดิม ภายในระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการปรับพฤติกรรมของคนไข้ด้วย
การออกกำลังกายโดยนักกายภาพฯ แตกต่างจากการออกกำลังกายทั่วไปอย่างไร?
การออกกำลังกายทางกายภาพฯ ไม่ได้เหมือนกับการออกกำลังกายทั่วไป เพราะเราจะเน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณที่มีปัญหา และออกแบบการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและปัญหาสุขภาพของแต่ละบุคคล ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่อ่อนแอ และป้องกันการบาดเจ็บซ้ำที่จุดเดิม
นอกจากการรักษาแล้ว ยังเหมือนมีเทรนเนอร์ส่วนตัว ที่ช่วยออกแบบท่าออกกำลังกายเฉพาะบุคคลในการรักษาแต่ละครั้ง ให้เหมาะกับสภาพกล้ามเนื้อ ณ ขณะนั้น
โรคอะไรที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีทางกายภาพฯ?
นัดหมาย
085-9966-353Business Hours
วันเสาร์-อาทิตย์: 9.30 - 18.30 น.
Location
Parking
Business Hours
วันเสาร์-อาทิตย์: 9.30 - 18.30 น.
Location
Parking
ที่จอดรถ เลี้ยวเข้าซอย อยู่หัวมุม