ประคบร้อน ประคบเย็น (Heat&Cold Compress) | แบบไหนเหมาะกับคุณ

ประคบร้อน ประคบเย็น (Heat&Cold Compress)

ประคบร้อน ประคบเย็น ร้อนสลับเย็น (heat compress, cold compress, contrat therapy) คืออะไร

การประคบร้อนและประคบเย็น (Heat & Cold Compress)
เป็นเทคนิคหนึ่งในการรักษาทางกายภาพบำบัด ซึ่งวัตถุประสงค์ของการทำหัตถการนี้ก็จะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับอาการบาดเจ็บนั้นๆ

กลไกการบาดเจ็บของร่างกาย เกิดได้จากหลายสาเหตุ เมื่อร่างกายเกิดการบาดเจ็บ (48 ชั่วโมงแรก) จะอยู่ในระยะอักเสบฉับพลัน (Acute inflammation) บริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ อวัยวะ เนื้อเยื่อ บริเวณนั้นๆ จะเกิดอาการบวม มีอาการปวด มีอุณหภูมิที่สูงขึ้นกว่าบริเวณอื่น ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือแดงขึ้น

ข้อควรระวัง ในการประคบร้อนและการประคบเย็น
• ผู้ป่วยเบาหวาน (Diabatic mellitus) ที่มีการรับรู้ความรู้สึกบริเวณผิวหนังลดลง
• ผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการรับความรู้สึกที่ผิดปกติ (Hypersensitivity)
• ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเกี่ยวกับเส้นประสาท (Nerve transplantation or Nerve transposition)
• ผู้ป่วยที่บาดเจ็บที่ไขสันหลัง ร่วมกับมีภาวะการรับความรู้สึกที่ผิดปกติ (Spinal cord injury: Sensation impairment)
• ผู้ป่วยที่มีการปลูกถ่ายผิวหนัง (Skin graft surgery)

ความแตกต่าง

ความแตกต่างของการประคบร้อนและการประคบเย็น, ประคบเย็น ร้อน ต่างกันอย่างไร, วิธีการใช้, ควรประคบร้อนหรือประคบเย็นตอนไหน, ทำไมประคบเย็นถึงช่วยลดบวม, ทำไมประคบร้อนช่วยคลายกล้ามเนื้อ

การใช้เทคนิคประคบเย็น (Cold Compress) จะช่วยลดกระบวนการอักเสบและความเสียหายของเนื้อเยื่อที่เกิดขึ้น เนื่องจากความเย็นจะช่วยชะลอกระบวนการอักเสบ โดยจะช่วยลดการไหลเวียนเลือดไปยังบริเวณที่อักเสบ ทำให้หลอดเลือดหดตัว ซึ่งสารที่เกิดจากการอักเสบจะลดลง ร่วมกับช่วยลดการนำของกระแสประสาท ทำให้รู้สึกปวดลดลง การประคบเย็นควรใช้ระดับความเย็นความรู้สึกที่เย็นสบาย ไม่รู้สึกแสบหรือปวดเพิ่มขึ้น และควรมีผ้ารองทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหนังโดยตรง ซึ่งหากประคบความเย็นที่จัดเกินไป อาจจะทำให้เกิดการแสบผิวหนังและเป็นแผลจากความเย็นที่กัดผิวหนังได้ (Frostbite)
การประคบเย็นจะใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีต่อครั้ง สามารถประคบได้ต่อเนื่องทุก 1-2 ชั่วโมง ขั้นต่ำวันละ 3-4 ครั้ง อาการที่ควรประคบเย็น เช่น มีอาการปวดบวมบริเวณข้อเท้าจากข้อเท้าแพลง หกล้ม อาการปวดบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา เป็นต้น
***ปัจจุบัน นักกีฬาอาชีพใช้วิธีการแช่น้ำเย็น เพื่อลดอาการปวด และความเสียหายของเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อ หลังจากการออกกำลังกายอย่างหนัก (DOMS)
การใช้เทคนิคประคบร้อน (Heat Compress) จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดเฉพาะจุดบริเวณที่ประคบร้อนนั้นๆ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ลดความตึงตัวของเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ ผิวหนังและเนื่อเยื่อเกี่ยวพันบริเวณดังกล่าว (Connective tissue) ช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ จากสารที่ส่งผ่านมาจากหลอดเลือด รวมถึงการกำจัดของเสีย เช่น กรดแลคติก ฯลฯ การประคบร้อน จะไม่ใช้ในกรณีที่บริเวณดังกล่าวอยู่ในภาวะอักเสบฉับพลัน (ปวด บวม แดง ร้อน ช้ำ)
การประคบร้อนควรจะประคบให้บริเวณมีความรู้สึกอุ่นสบาย ไม่ร้อนจัด และควรมีผ้ารองทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหนังโดยตรง เพื่อป้องกันอาการผิวหนังพองหรือไหม้จากความร้อนที่สูงเกินไป และจากความชื้นของเหงื่อกับความร้อนที่สะสม โดยอาศัยผ้าเป็นตัวซับเหงื่อที่เกิดขึ้น การประคบร้อนจะใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีต่อครั้ง ขั้นต่ำวันละ 1-2 ครั้ง อาการที่ควรประคบร้อน เช่น มีอาการกล้ามเนื้อตึง เมื่อยล้า คลายกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย เป็นต้น**

ประคบร้อนสลับเย็น

ประคบร้อนสลับประคบเย็น (contrast therapy) คืออะไร

การรักษาด้วยเทคนิคการประคบร้อนและเย็นสลับกัน (Contrast therapy) เป็นการรักษาด้วยการใช้ความเย็นและความร้อนสลับกันตามอัตราส่วนที่เหมาะสม ช่วยลดอาการปวด และอาการอักเสบระดับเบา (Low grade inflammation) ของบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บหรือมีปัญหา ช่วยในกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ (Healing process) และช่วยลดความตึงตัวของเนื้อเยื่อ โดยผลของความร้อน (Thermal effect) การใช้ความเย็นสลับกับความร้อน จะทำให้เกิดการ pumping ในระบบการไหลเวียนเลือด ณ จุดๆนั้น กล่าวคือ ความเย็นจะช่วยชะลอระบบการไหลเวียนเลือด ทำให้ลดการบวมของเนื้อเยื่อและเซลล์ และลดกระบวนการอักเสบ ในขณะที่ความร้อนจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซม เพิ่มองศาการเคลื่อนไหว และเพิ่มความหยืดหยุ่นของข้อต่อ เนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ ผิวหนังและเนื่อเยื่อเกี่ยวพัน การใช้ความเย็นและความร้อนสลับกัน จึงทำให้เกิด pumping effect ช่วยในการกำจัดของเสียในระบบการไหลเวียนเลือดบริเวณดังกล่าว เทคนิคการใช้ความร้อนและความเย็นสลับกัน สามารถช่วยลดการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย รวมถึงอาการปวดกล้ามเนื้อหลังจากการออกกำลังกายอย่างหนัก (DOMS)

ข้อควรระวังสำหรับเทคนิคการใช้ความร้อนและความเย็นสลับกัน
• ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อวางโปรแกรมที่เหมาะสม
• การใช้ความเย็นเป็นระยะเวลานานเกินไป อาจจะทำให้อาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น
• การใช้ความร้อนที่มากเกินไป จะส่งผลกระตุ้นกระบวนการอักเสบให้เพิ่มขึ้น
• การใช้เทคนิคนี้ อาจส่งผลให้ร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ (Dehydration) จึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอ
• อาการอักเสบ ที่มีอาการบวม มีรอยช้ำ ควรเน้นการประคบเย็นเป็นหลัก
• ไม่ควรใช้ในผู้ที่มีปัญหาเรื่องของระบบไหลเวียนเลือดและหัวใจ
• ไม่ควรใช้ในผู้ที่อาจจะมีอาการอักเสบฉับพลัน มีแผลเปิดหรือมีไข้
• ผู้ป่วยที่มีปํญหาด้านการรับความรู้สึก ควรมีผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิด
• ไม่ควรใช้ความเย็นในบริเวณกล้ามเนื้อที่ยืดติด ข้อต่อยึดติด
• ควรหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อน ในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคผิวหนังอักเสบ โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดแดงและดำ โรคหลอดเลือดดำอุดตัน โรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ
ทั้งนี้ ควรสอบถามเกี่ยวการทานยาที่ควบคุมอาการ และประเมินร่างกายโดยผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง
ตัวอย่างเทคนิคการใช้ความเย็นสลับกับความร้อน 
ประคบเย็น 1 นาที สลับกับประคบร้อน 3 นาที (ทั้งหมด 3 set) และปิดท้ายด้วยประคบเย็น 1 นาที ประมาณ 1-2 ครั้งต่อวัน

FAQs

เกิดอุบัติเหตุ ปวดหัว ปวดประจำเดือน ปวดเรื้อรัง ตะคริว ควรประคบร้อน หรือ ประคบเย็น

1. เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เช่น ข้อเท้าพลิก ควรประคบร้อนหรือเย็น?
เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เช่น ข้อเท้าพลิก ควรประคบเย็นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดอาการบวม อาการปวดและอาการอักเสบ โดยใช้ถุงน้ำแข็งหรือ Cold Pack ครั้งละ 15-20 นาที วันละ 3-4 ครั้ง
การประคบเย็นจะช่วยทำให้หลอดเลือดหดตัว ช่วยลดการไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณที่บาดเจ็บ ทำให้ลดอาการบวมลง ลดการอักเสบและอาการปวดได้ รวมทั้งป้องกันไม่ให้เลือดออกมาคั่งบริเวณที่บาดเจ็บมากขึ้น
หลังจาก 48 ชั่วโมงแรกไปแล้ว เมื่ออาการบวมลดลงแล้ว สามารถประคบร้อนได้ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ช่วยลดอาการปวดและช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว 
2. แล้วทำไม ปวดหัวถึงต้องประคบเย็น? 
อาการปวดหัว เป็นอาการที่มีหลายประเภทและหลายสาเหตุ การประคบเย็นจะช่วยลดอัตราการส่งกระแสประสาทความเจ็บปวด (Slows down the pain message being transmitted to the brain) เป็นการชะลอวงจรของระบบประสาท จึงทำให้ลดอาการปวด และช่วยลดการอักเสบของกล้ามเนื้อบริเวณศีรษะ รวมถึงช่วยลดอุณหภูมิด้วย 
อย่างไรก็ดี การประคบเย็นอาจช่วยบรรเทาอาการปวดได้ชั่วคราว เพราะอาการปวดหัวบางประเภท เช่น ปวดหัวจากความดันสูง ปวดหัวจากการขาดน้ำ ปวดหัวจากการใช้ยาบางชนิด ปวดหัวจากโรคหลอดเลือดสมอง ไม่ควรประคบเย็น ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอาการปวดหัวอย่างเหมาะสม    
3. ทำไมปวดประจำเดือน ต้องประคบร้อน?
ปวดประจำเดือน เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศหญิงในช่วงมีประจำเดือน ส่งผลให้กล้ามเนื้อมดลูกหดตัวและบีบตัว ทำให้อาจเกิดอาการปวดท้องน้อย ปวดหลัง ปวดเอว ปวดหัว คลื่นไส้ หรืออาเจียนได้ ซึ่งการประคบร้อนจะช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน เพราะความร้อนจะช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว เลือดไหลเวียนดีขึ้น ลดการอักเสบและบวม ส่งผลให้กล้ามเนื้อมดลูกคลายตัวและลดอาการปวดในที่สุด
4. หากมีอาการปวดเรื้อรัง แต่ปวดมากขึ้นจากการใช้งานที่ผิดปกติ ควรประคบร้อนหรือเย็น?
ให้เลือกใช้ตามอาการ หากมีอาการ ปวด บวม แดง ร้อน ช้ำ หรือเมื่อรู้สึกปวด จนขยับไม่ได้ ขยับแล้วเจ็บ ให้ใช้วิธีประคบเย็นและพักการใช้งาน 24-48 ชม. แต่หากมีอาการปวดเมื่อย แต่ยังขยับใช้งานได้ปกติ ให้ใช้วิธีประคบร้อน
5. หากเกิดตะคริวขณะออกกำลังกาย ควรประคบร้อนหรือเย็น?
การเลือกว่าจะประคบร้อนหรือเย็นนั้น ขึ้นกับสาเหตุและปัจจัยแวดล้อม ซึ่งการเป็นตะคริวขณะออกกำลังกาย ยังไม่ทราบสาเหตุหรือกลไกที่ชัดเจน 
ในกรณีที่กล้ามเนื้อเป็นตะคริว เนื่องจากออกกำลังกายในสภาพอากาศร้อนจัด (heat cramp) เพราะอยู่ในภาวะขาดน้ำ เหงื่อออกมาก ทำให้ร่างกายสูญเสียเกลือและแร่ธาตุ (อิเล็กโทรไลต์) เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ฯลฯ การสูญเสียสารอาหารเหล่านี้อาจทำให้กล้ามเนื้อกระตุก ควรหยุดทำกิจกรรมใดก็ตามที่กระตุ้นให้เกิดตะคริว สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การยืดและนวดกล้ามเนื้อที่เป็นตะคริว โดยค้างไว้ในท่าที่ยืดออกจนกว่าตะคริวจะหยุด ดื่มน้ำที่เติมอิเล็กโทรไลต์ตามความจำเป็น หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ที่มีน้ำตาลต่ำ เพื่อช่วยทดแทนอิเล็กโทรไลต์ที่สูญเสียไป
หากมีความจำเป็นต้องแข่งขันต่อ อาจจะใช้การประคบเย็น เช่น สเปรย์เย็น เพื่อลดอาการปวด ลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เพื่อให้สามารถแข่งขันต่อให้เสร็จ หลังจากนั้น ควรให้นักกายภาพบำบัดตรวจประเมินว่ากล้ามเนื้อเกิดการอักเสบเฉียบพลันหรือไม่ แล้วปฎิบัติตามหลักการประคบร้อน-เย็นต่อไป

แนวทางการรักษาที่คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ (Brain Rehab Clinic) ประกอบไปด้วยการตรวจประเมินร่างกายทางกายภาพบำบัด (Assessment) อัลตราซาวด์ (Ultrasound) ช็อคเวฟ (Shockwave Therapy) กระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) ปืนนวดคลายกล้ามเนื้อ (Gun Massage) ขยับดัดดึงข้อต่อ (Joint Mobilization) ดึงคอ/หลัง/ขา (Joint Mobilization) ยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) ประคบอุ่น/เย็น (Hot/Cold Compress) ออกกำลังกาย (Exercises) ติดเทป (Taping) แบบออกกำลังกายที่บ้าน (Home Program) และการปรับบุคลิกภาพ (Posture Correction)

Assessment

แนวทางการรักษาที่คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ (Brain Rehab Clinic) ประกอบไปด้วยการตรวจประเมินร่างกายทางกายภาพบำบัด (Assessment) อัลตราซาวด์ (Ultrasound) ช็อคเวฟ (Shockwave Therapy) กระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) ปืนนวดคลายกล้ามเนื้อ (Gun Massage) ขยับดัดดึงข้อต่อ (Joint Mobilization) ดึงคอ/หลัง/ขา (Joint Mobilization) ยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) ประคบอุ่น/เย็น (Hot/Cold Compress) ออกกำลังกาย (Exercises) ติดเทป (Taping) แบบออกกำลังกายที่บ้าน (Home Program) และการปรับบุคลิกภาพ (Posture Correction)

Ultrasound

แนวทางการรักษาที่คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ (Brain Rehab Clinic) ประกอบไปด้วยการตรวจประเมินร่างกายทางกายภาพบำบัด (Assessment) อัลตราซาวด์ (Ultrasound) ช็อคเวฟ (Shockwave Therapy) กระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) ปืนนวดคลายกล้ามเนื้อ (Gun Massage) ขยับดัดดึงข้อต่อ (Joint Mobilization) ดึงคอ/หลัง/ขา (Joint Mobilization) ยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) ประคบอุ่น/เย็น (Hot/Cold Compress) ออกกำลังกาย (Exercises) ติดเทป (Taping) แบบออกกำลังกายที่บ้าน (Home Program) และการปรับบุคลิกภาพ (Posture Correction)

Shockwave (Asoke)

แนวทางการรักษาที่คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ (Brain Rehab Clinic) ประกอบไปด้วยการตรวจประเมินร่างกายทางกายภาพบำบัด (Assessment) อัลตราซาวด์ (Ultrasound) ช็อคเวฟ (Shockwave Therapy) กระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) ปืนนวดคลายกล้ามเนื้อ (Gun Massage) ขยับดัดดึงข้อต่อ (Joint Mobilization) ดึงคอ/หลัง/ขา (Joint Mobilization) ยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) ประคบอุ่น/เย็น (Hot/Cold Compress) ออกกำลังกาย (Exercises) ติดเทป (Taping) แบบออกกำลังกายที่บ้าน (Home Program) และการปรับบุคลิกภาพ (Posture Correction)

Electrical Stimulation

แนวทางการรักษาที่คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ (Brain Rehab Clinic) ประกอบไปด้วยการตรวจประเมินร่างกายทางกายภาพบำบัด (Assessment) อัลตราซาวด์ (Ultrasound) ช็อคเวฟ (Shockwave Therapy) กระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) ปืนนวดคลายกล้ามเนื้อ (Gun Massage) ขยับดัดดึงข้อต่อ (Joint Mobilization) ดึงคอ/หลัง/ขา (Joint Mobilization) ยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) ประคบอุ่น/เย็น (Hot/Cold Compress) ออกกำลังกาย (Exercises) ติดเทป (Taping) แบบออกกำลังกายที่บ้าน (Home Program) และการปรับบุคลิกภาพ (Posture Correction)

Gun Massage

แนวทางการรักษาที่คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ (Brain Rehab Clinic) ประกอบไปด้วยการตรวจประเมินร่างกายทางกายภาพบำบัด (Assessment) อัลตราซาวด์ (Ultrasound) ช็อคเวฟ (Shockwave Therapy) กระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) ปืนนวดคลายกล้ามเนื้อ (Gun Massage) ขยับดัดดึงข้อต่อ (Joint Mobilization) ดึงคอ/หลัง/ขา (Joint Mobilization) ยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) ประคบอุ่น/เย็น (Hot/Cold Compress) ออกกำลังกาย (Exercises) ติดเทป (Taping) แบบออกกำลังกายที่บ้าน (Home Program) และการปรับบุคลิกภาพ (Posture Correction)

Joint Mobilization

แนวทางการรักษาที่คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ (Brain Rehab Clinic) ประกอบไปด้วยการตรวจประเมินร่างกายทางกายภาพบำบัด (Assessment) อัลตราซาวด์ (Ultrasound) ช็อคเวฟ (Shockwave Therapy) กระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) ปืนนวดคลายกล้ามเนื้อ (Gun Massage) ขยับดัดดึงข้อต่อ (Joint Mobilization) ดึงคอ/หลัง/ขา (Joint Mobilization) ยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) ประคบอุ่น/เย็น (Hot/Cold Compress) ออกกำลังกาย (Exercises) ติดเทป (Taping) แบบออกกำลังกายที่บ้าน (Home Program) และการปรับบุคลิกภาพ (Posture Correction)

Manual Traction

แนวทางการรักษาที่คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ (Brain Rehab Clinic) ประกอบไปด้วยการตรวจประเมินร่างกายทางกายภาพบำบัด (Assessment) อัลตราซาวด์ (Ultrasound) ช็อคเวฟ (Shockwave Therapy) กระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) ปืนนวดคลายกล้ามเนื้อ (Gun Massage) ขยับดัดดึงข้อต่อ (Joint Mobilization) ดึงคอ/หลัง/ขา (Joint Mobilization) ยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) ประคบอุ่น/เย็น (Hot/Cold Compress) ออกกำลังกาย (Exercises) ติดเทป (Taping) แบบออกกำลังกายที่บ้าน (Home Program) และการปรับบุคลิกภาพ (Posture Correction)

Stretching

แนวทางการรักษาที่คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ (Brain Rehab Clinic) ประกอบไปด้วยการตรวจประเมินร่างกายทางกายภาพบำบัด (Assessment) อัลตราซาวด์ (Ultrasound) ช็อคเวฟ (Shockwave Therapy) กระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) ปืนนวดคลายกล้ามเนื้อ (Gun Massage) ขยับดัดดึงข้อต่อ (Joint Mobilization) ดึงคอ/หลัง/ขา (Joint Mobilization) ยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) ประคบอุ่น/เย็น (Hot/Cold Compress) ออกกำลังกาย (Exercises) ติดเทป (Taping) แบบออกกำลังกายที่บ้าน (Home Program) และการปรับบุคลิกภาพ (Posture Correction)

Hot/Cold Compress

แนวทางการรักษาที่คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ (Brain Rehab Clinic) ประกอบไปด้วยการตรวจประเมินร่างกายทางกายภาพบำบัด (Assessment) อัลตราซาวด์ (Ultrasound) ช็อคเวฟ (Shockwave Therapy) กระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) ปืนนวดคลายกล้ามเนื้อ (Gun Massage) ขยับดัดดึงข้อต่อ (Joint Mobilization) ดึงคอ/หลัง/ขา (Joint Mobilization) ยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) ประคบอุ่น/เย็น (Hot/Cold Compress) ออกกำลังกาย (Exercises) ติดเทป (Taping) แบบออกกำลังกายที่บ้าน (Home Program) และการปรับบุคลิกภาพ (Posture Correction)

Exercises

แนวทางการรักษาที่คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ (Brain Rehab Clinic) ประกอบไปด้วยการตรวจประเมินร่างกายทางกายภาพบำบัด (Assessment) อัลตราซาวด์ (Ultrasound) ช็อคเวฟ (Shockwave Therapy) กระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) ปืนนวดคลายกล้ามเนื้อ (Gun Massage) ขยับดัดดึงข้อต่อ (Joint Mobilization) ดึงคอ/หลัง/ขา (Joint Mobilization) ยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) ประคบอุ่น/เย็น (Hot/Cold Compress) ออกกำลังกาย (Exercises) ติดเทป (Taping) แบบออกกำลังกายที่บ้าน (Home Program) และการปรับบุคลิกภาพ (Posture Correction)

Home Program

แนวทางการรักษาที่คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ (Brain Rehab Clinic) ประกอบไปด้วยการตรวจประเมินร่างกายทางกายภาพบำบัด (Assessment) อัลตราซาวด์ (Ultrasound) ช็อคเวฟ (Shockwave Therapy) กระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) ปืนนวดคลายกล้ามเนื้อ (Gun Massage) ขยับดัดดึงข้อต่อ (Joint Mobilization) ดึงคอ/หลัง/ขา (Joint Mobilization) ยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) ประคบอุ่น/เย็น (Hot/Cold Compress) ออกกำลังกาย (Exercises) ติดเทป (Taping) แบบออกกำลังกายที่บ้าน (Home Program) และการปรับบุคลิกภาพ (Posture Correction)

Posture Correction

นัดหมาย

1

085-9966-353

23

สาขาอโ​ศก

เปิดทำการทุกวันเวลา 10.30-20.00 น.

4

@brainrehabluxe

กายภาพ แนะนำ สุขุมวิท

Location: ​ อยู่ห้อง B-13 ชั้น B-1 (ข้างออฟฟิศเมท) อาคารจัสมินซิตี้ อโศก ปากซอยสุขุมวิท 23
https://goo.gl/maps/yc3JW
จอดรถฟรี 3 ชั่วโมง

สาขานนทบุรี

เปิดทำการทุกวันเวลา 9.30-20.00 น.

5

@brainrehabclinic

กายภาพ แนะนำ นนทบุรี

Location: อยู่บนถนนรัตนาธิเบศร์ตัดราชพฤกษ์
อยู่ติด MRT บางรักใหญ่ ทางออก 2
https://goo.gl/maps/wTdR4
มีที่จอดรถ 4-5 คัน