• ไทย
  • English

คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ

กล้ามเนื้ออักเสบและเส้นเอ็นอักเสบ (Muscle & Tendon Strain) กล้ามเนื้อหดเกร็ง (Muscle Spasms) และเส้นเอ็นยึดข้อต่ออักเสบ (Ligament Sprain) คืออะไร? โรคที่เกี่ยวข้องมีอะไรบ้าง?

เรามาดูอาการ สาเหตุ ความรุนแรง แนวทางป้องกัน และแนวทางการรักษาด้วยกายภาพบำบัดกัน….

Muscle & Tendon Strain คืออะไร

Muscle & Tendon Strain คือ การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เส้นใยกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น ทำให้เกิดการฉีกขาดในเนื้อเยื่อบริเวณนั้นๆ เกิดได้กับกล้ามเนื้อทุกส่วน มักพบอาการปวด บวม แดง ร้อนและอักเสบ

Muscle Spasms คือ กลไกอัตโนมัติของร่างกายที่จะหดเกร็งกล้ามเนื้อ หลังกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นบาดเจ็บ เพื่อลดการเคลื่อนไหวและป้องกันไม่ให้มีการบาดเจ็บที่รุนแรงขึ้น

Ligament Sprain คืออะไร

ส่วน Ligament Sprain คือ การบาดเจ็บของเส้นเอ็นที่อยู่บริเวณข้อต่อต่างๆ เช่น เส้นเอ็นข้างเข่า หรือเส้นเอ็นข้อเท้า

ทั้งนี้ ความรู้สึกเจ็บปวดจะคล้ายคลึงกับ Muscle Strain แต่จะต่างกันที่ตำแหน่งที่เกิดการบาดเจ็บเท่านั้น

ความแตกต่างระหว่าง Tendon และ Ligament คือ Tendon เป็นเส้นเอ็นที่เชื่อมต่อระหว่าง”กระดูกและกล้ามเนื้อ”

ในขณะที่ Ligament จะเป็นเส้นเอ็นที่เชื่อมต่อระหว่าง”กระดูกและกระดูก” แต่ภาษาไทยเรียกรวมทั้งคู่ว่า “เส้นเอ็น”

อาการ

กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอักเสบ (Muscle & Tendon Strain) มักจะมีอาการไม่ต่างกันมาก โดยทั่วไปจะพบอาการปวด บวม แดง ร้อน อักเสบ กล้ามเนื้อหดเกร็งหรืออ่อนแรง รวมถึงสามารถเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อและข้อต่อได้ค่อนข้างจำกัด โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิดดังนี้

  • ฉับพลัน เป็นการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นทันทีทันใด เช่น นอนตกหมอน คอเคล็ด หันคอไม่ได้ เป็นการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นทันทีทันใด
  • เรื้อรัง มีอาการปวดเป็นๆหายๆ มานานเกิน 3 เดือน เช่น ปวดคอ-บ่าจากการนั่งทำงาน เป็นๆหายๆมานาน

สาเหตุ

สาเหตุของการเกิดกล้ามเนื้ออักเสบ (Muscle Strain) และเส้นเอ็นอักเสบ (Tendon Strain) มักเกิดจาก

  • Overuse injury เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อและข้อต่อซ้ำๆในท่าเดิม ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ และเกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นบริเวณนั้นๆ เช่น การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเกิน 2 ชั่วโมง

หรืออาจจะเกิดจากการใช้แรงมากเกินกว่าที่กล้ามเนื้อสามารถทำงานได้จริง เช่น การยกเวทโดยการเพิ่มน้ำหนักแบบก้าวกระโดด และยกซ้ำๆหลายๆเซ็ต โดยไม่มีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำหรือดูแลการบาดเจ็บระหว่างการออกกำลังกาย

  • Accidents เกิดอุบัติเหตุจากการทำกิจกรรม การใช้งาน การเล่นกีฬา หรือการออกกำลังกาย เช่น หกล้ม ถูกกระแทกจากแรงกระทำภายนอก รวมถึงสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมในการใช้งาน เช่น ความยืดหยุ่นร่างกายน้อย และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ เป็นต้น

*** อาการบาดเจ็บเฉียบพลันควรยึดหลัก R.I.C.E. ในการดูแลตัวเองเบื้องต้น
1. R คือ Rest หรือการหยุดพัก เมื่อเกิดอาการ
2. I คือ Ice คือ การประคบเย็น
3. C คือ Compress คือ การพันกระชับบริเวณที่เจ็บ ให้เคลื่อนไหวน้อยที่สุด
4. E คือ Elevation คือ การยกสูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อลดอาการปวดบวม

ความรุนแรง

ความรุนแรงของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอักเสบ จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้

Grade I : เกิดการฉีกขาดเล็กน้อย
Grade II : เกิดการฉีกขาดไม่เกิน 50%
Grade III : การเกิดฉีกขาดมากกว่า 50% หรือขาดทั้งหมด

*** การฟื้นตัวของกล้ามเนื้อที่บาดเจ็บหรือฉีกขาดนั้น ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีกขาด ความรุนแรงของการฉีกขาด และอาการของโรค

*** หากเกิดการฉีกขาดของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง จำเป็นจะต้องได้รับการผ่าตัดซ่อมแซมกล้ามเนื้อ โดยศัลยแพทย์

โรคที่เกี่ยวข้อง

โรคที่เกี่ยวข้องกับอาการกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอักเสบ มักมีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน ตามตำแหน่งที่เกิดการบาดเจ็บ เช่น

– Myofascial Pain Syndrome
– Lower Back Pain
– Upper Cross Syndrome
– Lower Cross Syndrome
– Shoulder Tendinitis
– Sprained Ankle
– Trigger Finger
– De Quervain’s Tenosynovitis
– Tennis Elbow
– Golfer’s Elbow
– Thoracic Outlet Syndrome
– Pelvic Congestion Syndrome

ผลกระทบกับชีวิตประจำวัน

อาการกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอักเสบ จะส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากอาการปวด จะรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้ไม่สามารถใช้งานร่างกายได้เต็มประสิทธิภาพ เช่น

  • ปวดคอ-บ่า ร้าวขึ้นศีรษะ ทำให้ปวดหัว ไม่สบายตัว คิดงานไม่ออก อารมณ์ขุ่นมัว ไม่อยากทำงานต่อ หรืออาจจะทำงานไม่ไหว หากมีอาการปวดจนต้องทานยา ก็อาจส่งผลข้างเคียง เช่น ง่วงซึม ไม่มีสมาธิ ดื้อยา หรือยากัดกระเพาะจนเป็นโรคกระเพาะอักเสบ
  • ปวดหลัง คนไข้บางรายอาจจะไม่สามารถนั่งทำงานได้ ยืนหรือเดินได้ไม่นาน ยกของหนักไม่ได้ ก้มหลังหรือแอ่นหลังไม่ได้ ซึ่งจะรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก ในบางราย อาจจะปวดหลังจนขยับไม่ได้ก็มี

การป้องกัน

การป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ สามารถทำได้ ดังนี้

– หมั่นสังเกตร่างกาย ว่ามีอาการผิดปกติบริเวณใดบ้าง มักมีอาการปวดบริเวณไหน หรือขณะที่ทำกิจกรรมใดบ้าง
– หลีกเลี่ยงการใช้งานซ้ำ ในลักษณะท่าทางเดิม พยายามเปลี่ยนอิริยาบถเป็นประจำ หรือ อาจปรับเปลี่ยนการใช้งาน โดยมีเวลาพักเพิ่มขึ้น
– หมั่นออกกำลังกายและยืดกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อ
– การเพิ่มการอบอุ่นร่างกาย (Warm up & Cool down) ให้เพียงพอก่อนและหลังการออกกำลังกาย
– จัดท่าทางให้ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) จะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดการบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นท่านั่ง ท่านอน ท่ายืน หรือท่าเดิน
– พบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดทันที ที่เกิดการบาดเจ็บ การรักษาที่ทันท่วงทีจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บเรื้อรัง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตในระยะยาวได้

กายภาพบำบัด

อาการส่วนใหญ่ที่พบ จะมีอาการปวดร่วมกับการหดเกร็งของกล้ามเนื้อส่วนนั้น

กายภาพบำบัดสามารถทำได้ตั้งแต่ช่วงแรกของการบาดเจ็บ โดยใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด เพื่อลดอาการอักเสบ ช่วยกระตุ้นการ Healing ของ Soft Tissues

หลังจากนั้น เราจะลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อบริเวณนั้น เพิ่มความยืดหยุ่น เพื่อทำให้คนไข้เคลื่อนไหวข้อต่อได้ดีขึ้น รวมถึงเสริมสร้างความแข็งแรง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บในอนาคต

การรักษาเมื่อเกิดการบาดเจ็บทันที จะทำให้รักษาง่าย หายไว ในระยะเวลาอันสั้น หากปล่อยให้อาการบาดเจ็บเรื้อรัง ก็จะทำให้การรักษาต้องใช้ระยะเวลายาวนานและต้องใช้ความถี่ในการเข้ามารักษามากขึ้น

ทั้งนี้ อายุก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง เราจะเห็นได้ว่าเมื่ออายุมากขึ้น การฟื้นฟูร่างกายก็จะใช้ระยะเวลานานกว่าวัยรุ่นหรือวัยทำงานนั่นเอง

​Assessment

Ultrasound

​Shockwave

Electrical Stimulation

​Gun Massage

​Joint Mobilization

Manual Traction

​Stretching

​Hot/Cold Compress

Exercises

​Home Program

Posture Correction

คำถามที่พบบ่อย

กายภาพบำบัด เป็นศาสตร์ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ​ที่มุ่งเน้นการรักษา ส่งเสริม ป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อช่วยให้คุณภาพชีวิตของคนไข้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การบรรเทาอาการปวด การเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนไหว หรือการฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย จากอาการบาดเจ็บหรือโรคต่างๆ โดยไม่ต้องใช้ยาและหลีกเลี่ยงการผ่าตัด แบ่งขั้นตอนการรักษาออกเป็น 3 ขั้นตอนหลักๆ ดังนี้

Manual Techniques เป็นเทคนิคในการรักษาด้วยมือ ที่ได้รับการอบรมและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เช่น การขยับข้อต่อ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อและกล้ามเนื้อ (Mobilization) การขยับ ดัด ดึงข้อต่อ (Manipulation) การดึงคอ-ดึงหลัง (Manual Traction) และการยืดกล้ามเนื้อ (Stretching)
Modalities เป็นการใช้เครื่องมือทางกายภาพฯ เพื่อช่วยลดปวดและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เช่น เครื่องช็อคเวฟ เครื่องอัลตราซาวด์ และเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า
Exercises หลังจากที่อาการปวดลดลงแล้ว​การออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ รวมถึงเพื่อป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ ในกรณีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง จะเน้นการออกกำลังกายเฉพาะส่วนเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย เช่น ผู้ป่วยที่มีปัญหาในการเดิน จะเน้นฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและกล้ามเนื้อส่วนล่างที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ 

กายภาพฯ จะช่วยให้คุณกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ ลดปวด และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ…

คนไข้สามารถติดต่อ ปรึกษาปัญ​หาเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง เรามีการติดตามอาการ ผลการรักษา ตลอดจนให้คำปรึกษาในการดูแลตนเองเบื้องต้น จนกว่าจะถึงนัดหมายครั้งถัดไป

นอกจากนี้ ทั้งสาขาอโศกและสาขานนทบุรี ยังมีที่จอดรถ เดินทางสะดวก อยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS หรือ MRT

นักกายภาพฯ ของเรามีประสบการณ์ทำงานไม่ต่ำกว่า 10 ปี ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า คนไข้จะได้รับการรักษาที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด

ไม่มี เราเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับอาการของคนไข้ เช่น การกระตุ้นไฟฟ้า ไม่ได้เหมาะสมกับการรักษาทุกเคส ดังนั้น เราจึงใช้เวลาเพื่อโฟกัสกับการรักษาที่ได้ผลที่สุด

1. ตรวจร่างกายอย่างละเอียด ด้วยประสบการณ์ของนักกายภาพฯ แต่ละท่านที่มากกว่า 10 ปี คุณจึงมั่นใจได้ว่า จะได้รับการตรวจวิเคราะห์ที่แม่นยำ ค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการรักษาทางกายภาพบำบัดที่มีประสิทธิภาพและตรงจุด

อาการปวดในตำแหน่งเดียวกัน อาจมีสาเหตุที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล ประสบการณ์ของนักกายภาพฯ ที่คลินิก จะช่วยตรวจประเมิน วางแผนการรักษา และดำเนินการรักษาให้เหมาะสมกับอาการของคุณโดยเฉพาะ เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างรวดเร็วและยั่งยืน

หากคนไข้มีอาการที่รุนแรง น่าสงสัย หรือได้รับอุบัติเหตุ เราจะแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น X-Ray, CT Scan และ MRI เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดยิ่งขึ้น ในทางกลับกัน หากมีผลการตรวจรังสีวินิจฉัยอยู่แล้ว สามารถนำมาใช้ประกอบการรักษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาให้ดียิ่งขึ้น

ในบางกรณี นักกายภาพฯ ของเราจะทำงานร่วมกับแพทย์ในการวางแผนการรักษา และร่วมมือกับ Fitness Trainer ในการออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกาย เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพสูงสุด

2. Manual Therapy นักกายภาพฯ ที่คลินิกของเรา ล้วนมีความเชี่ยวชาญด้าน Manual Therapy (หัตถบำบัด) ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญในการบรรเทาอาการอักเสบของจุด Trigger Point ซึ่งมักเป็นสาเหตุหลักของอาการปวดเรื้อรัง การรักษาประกอบด้วยหลายเทคนิค เช่น การยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดอาการตึงตัว การขยับข้อต่อและเนื้อเยื่อโดยรอบ (Mobilization) เพื่อเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว และการดึงคอ-หลัง (Manual Traction) เพื่อลดแรงกดทับต่อเส้นประสาท

เทคนิคเหล่านี้ถือเป็นแนวทางการรักษาหลักทางกายภาพฯ ของประเทศสหรัฐอเมริกาและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทั่วโลก

3. เครื่องมือ คลินิกของเรายังนำเครื่องมือที่ทันสมัย (Modalities) เช่น เครื่องช็อคเวฟ (Shockwave) เครื่องอัลตราซาวด์ (Ultrasound) และเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) มาประกอบการรักษา เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการอักเสบ และเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ฯลฯ

ทั้งนี้ นักกายภาพฯ จะเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับการรักษาของแต่ละอาการ เช่น ผู้ที่มีภาวะกระดูกเสื่อม ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องช็อคเวฟ (Shockwave) ในการรักษาบริเวณนั้นๆ เพื่อความปลอดภัย เป็นต้น

4. การออกกำลังกาย (Therapeutic Exercises) เป็นอีกหนึ่งในวิธีการรักษาหลักทางกายภาพฯ ในประเทศสหรัฐอเมริกา จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ให้มีความสมดุลกันทั้งสองฝั่ง ช่วยทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น เพิ่มองศาการเคลื่อนไหว (Increase Range of Motion) และป้องกันอาการบาดเจ็บซ้ำๆที่จุดเดิม 

นอกจากนี้ ยังช่วยปรับท่าทางในการใช้ชีวิตประจำวัน (Posture Correction) ไม่ว่าจะเป็นท่านอน ท่านั่ง ท่ายืนและท่าเดิน ให้ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บในอนาคต

5. ให้ความรู้เกี่ยวกับตัวโรคและติดตามผลการรักษา เรามุ่งเน้นให้คนไข้มีความเข้าใจเกี่ยวกับรอยโรคหรือภาวะที่เป็นอยู่ เพื่อที่จะปฎิบัติตัวได้อย่างเหมาะสม และเพื่อหลี่กเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ นอกจากนี้ เรายังติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง ให้คำปรึกษา คำแนะนำ จนกว่ามั่นใจว่า คนไข้จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติอย่างมั่นใจ

สำหรับผู้ที่กำลังมองหา “คลินิกกายภาพบำบัด ใกล้ฉัน” ควรสอบถามแนวทางการรักษา เพื่อให้มั่นใจว่าแนวทางการรักษานั้นเหมาะสมกับตนเอง และอาการที่เป็น อีกทั้ง ควรเลือกคลินิกที่มีนักกายภาพฯ ที่มีประสบการณ์ และความสามารถในการตรวจร่างกายได้อย่างตรงจุด เพื่อการรักษาที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หายเร็ว หายขาด ปลอดภัย และไม่กลับมาเป็นซ้ำ ท่านสามารถปรึกษาอาการเบื้องต้นกับเรา ได้ทางโทรศัพท์หรือทาง LINE OA

ร่างกายของเรามีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองได้ แต่เนื่องจาก เราจำเป็นต้องเคลื่อนไหวหรือใช้งานตลอดเวลา ทำให้การซ่อมแซมตัวเองเป็นไปได้ยากมากขึ้น ​หากมีอาการปวดที่ไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน แนะนำให้เข้ามารักษาทางกายภาพฯ จะช่วยให้หายไวขึ้น อาการปวดจากการบาดเจ็บลดลง และป้องกันไม่ให้อาการเรื้อรัง

ขึ้นอยู่กับอาการ เช่น อาการเส้นเอ็นอักเสบจะใช้เวลารักษานานกว่ากล้ามเนื้ออักเสบ ส่วนโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ในบางกรณีสามารถรักษาเพื่อบรรเทาอาการปวด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะของโรค 

เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด ควรเข้ารับการรักษาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อความต่อเนื่องของการรักษาและช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้น 

แม้ว่าระดับความทนต่อความเจ็บปวดของแต่ละคนจะแตกต่างกัน แต่การเข้ารับการรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ จะช่วยให้หายเร็วและไม่เรื้อรัง

การรักษาทางกายภาพฯ จำเป็นต้องใช้ความต่อเนื่องในการเข้ารับการรักษา เพื่อให้หายขาด และป้องกันไม่ให้อาการกลับมา เนื่องจากคลื่นไฟฟ้าที่ใช้ในการรักษา จะได้ผลเฉพาะในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น หากคนไข้หยุดการรักษากลางคัน ก็เปรียบเสมือนกับการรับประทานยาที่ไม่ครบโดส ซึ่งอาจทำให้มีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ หรือกลายเป็นอาการเรื้อรังได้

จากสถิติของทางคลินิกฯ คนไข้ที่ได้รับการรักษาจนหายขาด จะไม่กลับมาเป็นซ้ำที่ตำแหน่งเดิม ภายในระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการปรับพฤติกรรมของคนไข้ด้วย

การออกกำลังกายทางกายภาพฯ ไม่ได้เหมือนกับการออกกำลังกายทั่วไป เพราะเราจะเน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณที่มีปัญหา ​และออกแบบการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับ​สภาพร่างกายและปัญหาสุขภาพของแต่ละบุคคล ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่อ่อนแอ และป้องกันการบาดเจ็บซ้ำที่จุดเดิม 

นอกจากการรักษาแล้ว ยังเหมือนมีเทรนเนอร์ส่วนตัว ที่ช่วยออกแบบท่าออกกำลังกายเฉพาะบุคคลในการรักษาแต่ละครั้ง ให้เหมาะกับสภาพกล้ามเนื้อ ณ ขณะนั้น

โรคที่เกิดจากพันธุกรรม เช่น กระดูกสันหลังคดแต่กำเนิด หรือโรคประจำตัว เช่น เท้าชาจากเบาหวาน ที่ทำให้ปลายประสาทอักเสบ ฯลฯ

นัดหมาย

085-9966-353
ภาพบรรยากาศ นพ.คุณากร อัชชนียะสกุล มาเยี่ยมคลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขาอโศก
ภาพบรรยากาศภายนอก ประตูทางเข้า คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขาอโศก
ภาพบรรยากาศภายใน ที่พักรับรอง กว้างขวาง ไม่อึดอัด คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขาอโศก
ภาพบรรยากาศภายใน ห้องตรวจ รักษา มีความเป็นส่วนตัว กว้างขวาง ไม่อึดอัด คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขาอโศก
ภาพบรรยากาศภายใน บริเวณโซนออกกำลังกาย คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขาอโศก
ภาพบรรยากาศภายใน กว้างขวาง ไม่อึดอัด คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขาอโศก
ภาพบรรยากาศภายใน กว้างขวาง โปร่งสบาย ไม่อึดอัด คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขาอโศก
ภาพบรรยากาศภายนอก คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขาอโศก บริเวณประตูทางเข้า
ภาพบรรยากาศภายนอก คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขาอโศก บริเวณล็อบบี้
ภาพบรรยากาศภายในห้องรักษา คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขาอโศก
ภาพบรรยากาศภายนอก ตึกจัสมิน อโศก ที่ตั้งคลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขาอโศก

Business Hours

วันจันทร์-ศุกร์: 10.30 - 20.00 น.
วันเสาร์-อาทิตย์: 9.30 - 18.30 น.

Location

อยู่ห้อง B-13 ชั้น B-1 (ข้างออฟฟิศเมท)
Jasmine City ซ.สุขุมวิท 23 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
https://goo.gl/maps/yc3JW

Parking

จอดรถฟรี 3 ชั่วโมง
ภาพบรรยากาศ นพ.คุณากร อัชชนียะสกุล มาเยี่ยมคลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขานนทบุรี
ภาพบรรยากาศภายนอก ป้ายหน้าร้าน คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขานนทบุรี
ภาพบรรยากาศภายนอก คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขานนทบุรี ทางลงรถไฟฟ้า สถานีบางรักใหญ่ ทางออก 2
ภาพบรรยากาศภายนอก ป้ายบิลบอร์ด คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขานนทบุรี
ภาพบรรยากาศภายนอก ป้ายหน้าร้าน ป้ายบิลบอร์ด คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขานนทบุรี
ภาพบรรยากาศภายใน บริเวณที่รับรอง คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขานนทบุรี
ภาพบรรยากาศภายใน บริเวณโซนออกกำลังกาย และฝึกผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขานนทบุรี
ภาพบรรยากาศภายใน บริเวณโซนฝึกผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขานนทบุรี
ภาพบรรยากาศภายใน บริเวณโซนออกกำลังกาย คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขานนทบุรี
โลโก้และภาพบรรยากาศภายนอก คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขานนทบุรี
ภาพบรรยากาศภายนอก คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ สาขานนทบุรี

Business Hours

วันจันทร์-ศุกร์: 9.30 - 20.00 น.
วันเสาร์-อาทิตย์: 9.30 - 18.30 น.

Location

อยู่ติด MRT บางรักใหญ่ ทางออก 2
23/10 หมู่ 3, บางรักใหญ่, บางบัวทอง, นนทบุรี 11110
https://goo.gl/maps/wTdR4

Parking

มีที่จอดรถ 4-5 คัน
ที่จอดรถ เลี้ยวเข้าซอย อยู่หัวมุม