คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ

ลด อาการปวด
คืน สมดุลและการเคลื่อนไหว
ไม่ต้อง ผ่าตัด
โรคกระดูกสันหลัง
Spine Physiotherapy
✓ กระดูกสันหลังคด (Scoliosis)
✓ กระดูกสันหลังเสื่อม
✓ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
การฟื้นฟูโรคกระดูกสันหลัง
กระดูกสันหลัง (Spine)
เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดส่วนนึงของร่างกาย ทำหน้าที่ช่วยพยุงร่างกายของเราให้ตั้งตรงและมั่นคง ช่วยในการเคลื่อนไหว ช่วยให้เราทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ยืน เดิน นั่ง ทำงาน ฯลฯ ช่วยปกป้องไขสันหลัง ซึ่งเป็นทางผ่านที่สำคัญของระบบประสาท ที่เชื่อมต่อจากสมองไปควบคุมการทำงานต่างๆ ของร่างกาย อีกทั้งยังช่วยแบกรับน้ำหนักตัว และน้ำหนักต่างๆ ในแต่ละวัน ฯลฯ
กระดูกสันหลังประกอบด้วยกระดูกชิ้นเล็กๆ ที่เรียกว่า กระดูกสันหลัง (Vertebrae) จำนวน 33 ชิ้น เรียงต่อกันเป็นแนวยาวตั้งแต่ฐานกะโหลกศีรษะลงมาจนถึงก้นกบ ในระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละชิ้น จะมีหมอนรองกระดูก (Intervertebral discs) ซึ่งทำหน้าที่รองรับแรงกระแทก รับน้ำหนักต่างๆ และให้ความยืดหยุ่นในการเคลื่อนไหว นอกจากนี้ ภายในกระดูกสันหลังยังมี ไขสันหลัง (spinal cord) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาทส่วนกลาง ทำหน้าที่รับสัญญาณจากส่วนต่างๆ ของร่างกายไปที่สมอง และส่งสัญญาณจากสมองกลับไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อให้เราสามารถควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ เคลื่อนไหว และรับรู้ความรู้สึกได้
การฟื้นฟูโรคกระดูกสันหลัง (Spine Rehabilitation)
เป็นการรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพของกระดูกสันหลัง รวมถึงโครงสร้างที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดอาการปวด ให้กลับมาแข็งแรงและทำงานได้ดีดังเดิม ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น กายภาพบำบัด การดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคกระดูกสันหลัง รวมถึงการเสริมสร้างกระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อโดยรอบให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ การช่วยให้คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สาเหตุ
ปัจจัยเสี่ยงและพฤติกรรมที่ส่งผลต่อกระดูกสันหลังมีหลายประการ เช่น
- การนั่งทำงานหรือใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานติดต่อกัน โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ
- ท่านั่ง และท่ายืนไม่เหมาะสม ส่งผลให้กระดูกสันหลังรับแรงมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการปวดได้
- การยกของหนักผิดวิธี
- น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน
- ฯลฯ
ทั้งหมดล้วนส่งผลกระทบให้กระดูกสันหลังรับแรงมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือการเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น
อาการ
เมื่อกระดูกสันหลังของเราเกิดปัญหา ย่อมส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตและการใช้ชีวิตประจำวัน ปัญหาที่พบได้บ่อย เช่น โรคหมอนรองกระดูกปลิ้นทับเส้นประสาท ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม ภาวะกระดูกสันหลังเคลื่อน โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ โรคกระดูกสันหลังคด ฯลฯ
ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่น
- อาการปวด เมื่อทำกิจกรรมบางอย่างที่ไปรบกวนกระดูกสันหลังบริเวณที่มีปัญหา
- ชา อ่อนแรง หากมีการกดทับเส้นประสาท จะทำให้เกิดอาการชา อ่อนแรงตามแนวที่เส้นประสาทวิ่งผ่าน
- สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เต็มองศา รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
- รบกวนการนอนหลับ ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ผลกระทบต่อจิตใจ อาการปวดต่างๆ อาจนำไปสู่ความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้าได้
- ฯลฯ
กายภาพบำบัด
กายภาพบำบัดมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูและลดปวดโรคกระดูกสันหลัง โดยนักกายภาพบำบัดจะมีบทบาท ดังต่อไปนี้
- ตรวจประเมินร่างกายอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุของอาการปวด
- ใช้เทคนิคต่างๆเพื่อลดปวดและคลายกล้ามเนื้อโดยรอบ เช่น อัลตราซาวด์ การดัดดึงข้อต่อ การกระตุ้นไฟฟ้า ฯลฯ
- แนะนำการออกกำลังกายที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง และเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆ ที่ช่วยพยุงกระดูกสันหลัง รวมถึงเพื่อเพิ่มองศาของการเคลื่อนไหวอีกด้วย
- ช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และท่าทาง (Posture) ที่ถูกต้องในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน รวมถึงให้คำแนะนำในการจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomics)
- ให้ความรู้เรื่องการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน เพื่อบรรเทาอาการปวดและป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ
จุดเด่นของกายภาพบำบัดในการดูแลปัญหากระดูกสันหลัง มีหลายประการ ดังนี้
- ไม่ใช้ยาและหลีกเลี่ยงการผ่าตัด กายภาพบำบัดสามารถลดปวดได้ โดยไม่ต้องใช้ยา รวมถึงช่วยให้หลีกเลี่ยงการผ่าตัดได้ หากมีอาการไม่รุนแรง หรือตอบสนองต่อการทำกายภาพบำบัด
- รักษาที่ต้นเหตุ เช่น กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวไม่แข็งแรง พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง ฯลฯ
- ฟื้นฟูอย่างยั่งยืน กายภาพบำบัดช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกายให้กลับมามีประสิทธิภาพ ด้วยวิธีที่ยั่งยืน รวมถึง ความรู้ความเข้าใจในตัวโรค เพื่อการดูแลตนเองที่ถูกต้อง และป้องกันอาการบาดเจ็บซ้ำ
การดูแลตนเอง
การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันโรคกระดูกสันหลังเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การออกกำลังกายที่เหมาะสมเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว เพื่อช่วยพยุงและปกป้องกระดูกสันหลัง การยืดกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น การควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การนั่ง ยืน เดิน การยกของให้ถูกวิธี การปรับสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพออีกด้วย
หากมีปัญหาโรคกระดูกสันหลัง การดูแลและฟื้นฟูอย่างถูกวิธี จะช่วยให้เราสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ มีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยปราศจากอาการเจ็บปวด หรือปัญหาที่รบกวนการดำเนินชีวิต
หากคุณมีอาการเกี่ยวกับโรคกระดูกสันหลัง สามารถปรึกษาเราได้ที่ คลินิกกายภาพบำบัด เบรน รีแฮบ
“อย่าปล่อยให้อาการปวด มารบกวนคุณ”
บทความ
ออฟฟิศซินโดรมและอาการปวดต่างๆ
ออฟฟิศซินโดรมและการยศาสตร์ (Office Syndrome & Ergonomics)
ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง (Myofascial Pain Syndrome)
กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท (Piriformis Syndrome)
ปวดหลังส่วนล่าง (Low Back Pain)
เอ็นข้อศอกด้านนอกอักเสบ (Tennis Elbow)
ภาวะการกดทับเส้นประสาทข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome)

Assessment

Ultrasound

Shockwave

Electrical Stimulation

Gun Massage

Joint Mobilization

Manual Traction

Stretching

Hot/Cold Compress

Exercises

Home Program

Posture Correction
คำถามที่พบบ่อย
กายภาพบำบัด คืออะไร
กายภาพบำบัด เป็นศาสตร์ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ที่มุ่งเน้นการรักษา ส่งเสริม ป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อช่วยให้คุณภาพชีวิตของคนไข้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การบรรเทาอาการปวด การเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนไหว หรือการฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย จากอาการบาดเจ็บหรือโรคต่างๆ โดยไม่ต้องใช้ยาและหลีกเลี่ยงการผ่าตัด แบ่งขั้นตอนการรักษาออกเป็น 3 ขั้นตอนหลักๆ ดังนี้
Manual Techniques เป็นเทคนิคในการรักษาด้วยมือ ที่ได้รับการอบรมและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เช่น การขยับข้อต่อ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อและกล้ามเนื้อ (Mobilization) การขยับ ดัด ดึงข้อต่อ (Manipulation) การดึงคอ-ดึงหลัง (Manual Traction) และการยืดกล้ามเนื้อ (Stretching)
Modalities เป็นการใช้เครื่องมือทางกายภาพฯ เพื่อช่วยลดปวดและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เช่น เครื่องช็อคเวฟ เครื่องอัลตราซาวด์ และเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า
Exercises หลังจากที่อาการปวดลดลงแล้วการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ รวมถึงเพื่อป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ ในกรณีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง จะเน้นการออกกำลังกายเฉพาะส่วนเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย เช่น ผู้ป่วยที่มีปัญหาในการเดิน จะเน้นฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและกล้ามเนื้อส่วนล่างที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ
กายภาพฯ จะช่วยให้คุณกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ ลดปวด และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ…
ทำไมต้อง เบรน รีแฮบ คลินิก?
คนไข้สามารถติดต่อ ปรึกษาปัญหาเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง เรามีการติดตามอาการ ผลการรักษา ตลอดจนให้คำปรึกษาในการดูแลตนเองเบื้องต้น จนกว่าจะถึงนัดหมายครั้งถัดไป
นอกจากนี้ ทั้งสาขาอโศกและสาขานนทบุรี ยังมีที่จอดรถ เดินทางสะดวก อยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS หรือ MRT
อะไรคือ ความแตกต่าง?
นักกายภาพฯ ของเรามีประสบการณ์ทำงานไม่ต่ำกว่า 10 ปี ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า คนไข้จะได้รับการรักษาที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
มีการรักษา 8 ขั้นตอนหรือไม่?
ไม่มี เราเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับอาการของคนไข้ เช่น การกระตุ้นไฟฟ้า ไม่ได้เหมาะสมกับการรักษาทุกเคส ดังนั้น เราจึงใช้เวลาเพื่อโฟกัสกับการรักษาที่ได้ผลที่สุด
แล้วแนวทางการรักษา คืออะไร?
1. ตรวจร่างกายอย่างละเอียด ด้วยประสบการณ์ของนักกายภาพฯ แต่ละท่านที่มากกว่า 10 ปี คุณจึงมั่นใจได้ว่า จะได้รับการตรวจวิเคราะห์ที่แม่นยำ ค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการรักษาทางกายภาพบำบัดที่มีประสิทธิภาพและตรงจุด
อาการปวดในตำแหน่งเดียวกัน อาจมีสาเหตุที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล ประสบการณ์ของนักกายภาพฯ ที่คลินิก จะช่วยตรวจประเมิน วางแผนการรักษา และดำเนินการรักษาให้เหมาะสมกับอาการของคุณโดยเฉพาะ เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างรวดเร็วและยั่งยืน
หากคนไข้มีอาการที่รุนแรง น่าสงสัย หรือได้รับอุบัติเหตุ เราจะแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น X-Ray, CT Scan และ MRI เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดยิ่งขึ้น ในทางกลับกัน หากมีผลการตรวจรังสีวินิจฉัยอยู่แล้ว สามารถนำมาใช้ประกอบการรักษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาให้ดียิ่งขึ้น
ในบางกรณี นักกายภาพฯ ของเราจะทำงานร่วมกับแพทย์ในการวางแผนการรักษา และร่วมมือกับ Fitness Trainer ในการออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกาย เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพสูงสุด
2. Manual Therapy นักกายภาพฯ ที่คลินิกของเรา ล้วนมีความเชี่ยวชาญด้าน Manual Therapy (หัตถบำบัด) ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญในการบรรเทาอาการอักเสบของจุด Trigger Point ซึ่งมักเป็นสาเหตุหลักของอาการปวดเรื้อรัง การรักษาประกอบด้วยหลายเทคนิค เช่น การยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดอาการตึงตัว การขยับข้อต่อและเนื้อเยื่อโดยรอบ (Mobilization) เพื่อเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว และการดึงคอ-หลัง (Manual Traction) เพื่อลดแรงกดทับต่อเส้นประสาท
เทคนิคเหล่านี้ถือเป็นแนวทางการรักษาหลักทางกายภาพฯ ของประเทศสหรัฐอเมริกาและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทั่วโลก
3. เครื่องมือ คลินิกของเรายังนำเครื่องมือที่ทันสมัย (Modalities) เช่น เครื่องช็อคเวฟ (Shockwave) เครื่องอัลตราซาวด์ (Ultrasound) และเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) มาประกอบการรักษา เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการอักเสบ และเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ฯลฯ
ทั้งนี้ นักกายภาพฯ จะเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับการรักษาของแต่ละอาการ เช่น ผู้ที่มีภาวะกระดูกเสื่อม ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องช็อคเวฟ (Shockwave) ในการรักษาบริเวณนั้นๆ เพื่อความปลอดภัย เป็นต้น
4. การออกกำลังกาย (Therapeutic Exercises) เป็นอีกหนึ่งในวิธีการรักษาหลักทางกายภาพฯ ในประเทศสหรัฐอเมริกา จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ให้มีความสมดุลกันทั้งสองฝั่ง ช่วยทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น เพิ่มองศาการเคลื่อนไหว (Increase Range of Motion) และป้องกันอาการบาดเจ็บซ้ำๆที่จุดเดิม
นอกจากนี้ ยังช่วยปรับท่าทางในการใช้ชีวิตประจำวัน (Posture Correction) ไม่ว่าจะเป็นท่านอน ท่านั่ง ท่ายืนและท่าเดิน ให้ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บในอนาคต
5. ให้ความรู้เกี่ยวกับตัวโรคและติดตามผลการรักษา เรามุ่งเน้นให้คนไข้มีความเข้าใจเกี่ยวกับรอยโรคหรือภาวะที่เป็นอยู่ เพื่อที่จะปฎิบัติตัวได้อย่างเหมาะสม และเพื่อหลี่กเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ นอกจากนี้ เรายังติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง ให้คำปรึกษา คำแนะนำ จนกว่ามั่นใจว่า คนไข้จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติอย่างมั่นใจ
สำหรับผู้ที่กำลังมองหา “คลินิกกายภาพบำบัด ใกล้ฉัน” ควรสอบถามแนวทางการรักษา เพื่อให้มั่นใจว่าแนวทางการรักษานั้นเหมาะสมกับตนเอง และอาการที่เป็น อีกทั้ง ควรเลือกคลินิกที่มีนักกายภาพฯ ที่มีประสบการณ์ และความสามารถในการตรวจร่างกายได้อย่างตรงจุด เพื่อการรักษาที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หายเร็ว หายขาด ปลอดภัย และไม่กลับมาเป็นซ้ำ ท่านสามารถปรึกษาอาการเบื้องต้นกับเรา ได้ทางโทรศัพท์หรือทาง LINE OA
หากไม่รักษา เดี๋ยวอาการปวดก็หายไปเอง ใช่หรือไม่?
ร่างกายของเรามีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองได้ แต่เนื่องจาก เราจำเป็นต้องเคลื่อนไหวหรือใช้งานตลอดเวลา ทำให้การซ่อมแซมตัวเองเป็นไปได้ยากมากขึ้น หากมีอาการปวดที่ไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน แนะนำให้เข้ามารักษาทางกายภาพฯ จะช่วยให้หายไวขึ้น อาการปวดจากการบาดเจ็บลดลง และป้องกันไม่ให้อาการเรื้อรัง
ควรเข้ารับการรักษากี่ครั้ง ความถี่เท่าไหร่?
ขึ้นอยู่กับอาการ เช่น อาการเส้นเอ็นอักเสบจะใช้เวลารักษานานกว่ากล้ามเนื้ออักเสบ ส่วนโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ในบางกรณีสามารถรักษาเพื่อบรรเทาอาการปวด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะของโรค
เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด ควรเข้ารับการรักษาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อความต่อเนื่องของการรักษาและช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
แม้ว่าระดับความทนต่อความเจ็บปวดของแต่ละคนจะแตกต่างกัน แต่การเข้ารับการรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ จะช่วยให้หายเร็วและไม่เรื้อรัง
อาการดีขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องรักษาต่อหรือหยุดการรักษาได้ จริงหรือไม่?
การรักษาทางกายภาพฯ จำเป็นต้องใช้ความต่อเนื่องในการเข้ารับการรักษา เพื่อให้หายขาด และป้องกันไม่ให้อาการกลับมา เนื่องจากคลื่นไฟฟ้าที่ใช้ในการรักษา จะได้ผลเฉพาะในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น หากคนไข้หยุดการรักษากลางคัน ก็เปรียบเสมือนกับการรับประทานยาที่ไม่ครบโดส ซึ่งอาจทำให้มีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ หรือกลายเป็นอาการเรื้อรังได้
จากสถิติของทางคลินิกฯ คนไข้ที่ได้รับการรักษาจนหายขาด จะไม่กลับมาเป็นซ้ำที่ตำแหน่งเดิม ภายในระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการปรับพฤติกรรมของคนไข้ด้วย
การออกกำลังกายโดยนักกายภาพฯ แตกต่างจากการออกกำลังกายทั่วไปอย่างไร?
การออกกำลังกายทางกายภาพฯ ไม่ได้เหมือนกับการออกกำลังกายทั่วไป เพราะเราจะเน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณที่มีปัญหา และออกแบบการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและปัญหาสุขภาพของแต่ละบุคคล ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่อ่อนแอ และป้องกันการบาดเจ็บซ้ำที่จุดเดิม
นอกจากการรักษาแล้ว ยังเหมือนมีเทรนเนอร์ส่วนตัว ที่ช่วยออกแบบท่าออกกำลังกายเฉพาะบุคคลในการรักษาแต่ละครั้ง ให้เหมาะกับสภาพกล้ามเนื้อ ณ ขณะนั้น
โรคอะไรที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีทางกายภาพฯ?
นัดหมาย
085-9966-353Business Hours
วันเสาร์-อาทิตย์: 9.30 - 18.30 น.
Location
Parking
Business Hours
วันเสาร์-อาทิตย์: 9.30 - 18.30 น.
Location
Parking
ที่จอดรถ เลี้ยวเข้าซอย อยู่หัวมุม